กทม-สาธารณสุข
ทายาท “พลางกูร” โวยดอนโดหรูทำโบราณสถาน 138 ปีเสียหาย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ทายาท “พลางกูร” ร้องสื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม โวยเจ้าหน้าที่รัฐไม่เหลียวแลปล่อยเอกชนสร้างดอนโดหรูกลางกรุงกระทบโบราณสถาน อายุ 138 ปีเสียหาย ทั้งดินทรุด โครงสร้างบ้านร้าว กำแพงแตก ทำร้ายสุขภาพจิต วอนเขตบางรักหันมาเลียวแลบ้าง
วันที่ 17 มกราคม ที่บ้านเลขที่ 1 ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม. นายแพทย์พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณอายุกว่า 138 ปี ซึ่งกรมศิลปากรพิจารณารับรองให้เป็นโบราณสถานที่ควรอนุรักษ์ไว้ พร้อมด้วย นางปราณี พลางกูร ภรรยา และนายบัญชา บุญพยุง ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวจากกรณีได้รับผลกระทบจากการสร้างคอนโดมิเนียมหรูโครงการหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับตัวบ้าน ซึ่งเกรงว่าอาจทำให้บ้านหลังดังกล่าวซึ่งมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์พังทลาย
นายแพทย์พิลิปดา เปิดเผยว่า ตนเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 1 ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ข้างสำนักงานเขตบางรัก บ้านของตนนั้นเป็นบ้านที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุกว่า 138 ปี คุณปู่ของตนคือ พระยาพลางกูรธรรมวิจัย (เผดิม) เป็นผู้พิพากษาศาลมณฑลภูเก็ต และเคยเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านหลังนี้คุณปู่พระยาพลางกูรธรรมพิจัย (เผดิม) เป็นผู้สร้างก่อนที่จะตกทอดมาสู่คุณผดาสวัสดิ์ พลางกูร (คุณพ่อของคุณหมอ) และตกทอดมาสู่ตนตามลำดับ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องเกล็ดเต่า ฐานรากอาคารวางบนพื้นดิน โดยที่สำคัญไม่มีเสาเข็ม มีสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือมีมุกรูปแปดเหลี่ยมที่ยื่นออกมาจากบริเวณชั้น 2 ของบ้าน และมีห้องสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของทาสในสมัยโบราณ และบริเวณโดยรอบบ้านยังมีอาคารโรงเรือนประกอบอีกด้วย เป็นมรดกตกทอดสืบมามีคุณค่าต่อสังคมประเทศชาติ และมีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมไทยที่ควรได้รับการอนุรักษ์ดูแลสืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งทางกรมศิลปากรพิจารณาแล้วว่าบ้านหลังนี้เป็นโบราณสถาน
นายแพทย์พิลิปดา กล่าวต่อว่า ตอนนี้บ้านที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยนั้นจะต้องสูญสิ้นไปเนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อ ตั้งแต่เริ่มโครงการก่อสร้างถึงปัจจุบันโครงการนี้ได้มีการปรับพื้นที่ สร้างสำนักงานขายชั่วคราวและสำนักงานขายได้ซื้อไปแล้วโดยไม่ชอบ และขณะนี้โครงการเริ่มก่อสร้างได้ส่งผลกระทบและความเสียหายโดยตรงต่ออาคารบ้านโบราณสถาน อาคารโดยรอบผู้อาศัยตั้งแต่แรก ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนเสียงดังรบกวนปริมาณฝุ่นละออง การพังทลายของดินไปสู่ที่ดินและบ้านโบราณ ส่งผลให้พื้นดินทรุด รั้วพัง ฐานรากของบ้านได้รับความเสียหาย มีรอยแยกที่ผนังกำแพง และเกิดผลกระทบด้านสุขภาพจิตและระบบทางเดินหายใจของผู้อยู่อาศัยทุกคน
แม้ตนได้ทำหนังสือไปร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร สำนักงานโยธา สำนักงานเขตบางรัก สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และขอความอนุเคราะห์ไปยังกรมศิลปกร สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) แต่ก็ไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามาทำการใช้มาตรการใดกับผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด และไม่มีทีท่าที่จะให้บริษัทหยุดดำเนินการได้ ดังนั้นถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังปล่อยปละละเลยให้บริษัทดำเนินการต่อไป ก็จะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายชีวิตและทรัพย์สินของข้าพเจ้า เหมือนเช่นเดียวกับที่โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ได้รับ อีกทั้งโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อและบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอยู่ห่างจากสำนักงานเขตบางรักที่รับผิดชอบเพียง 50 เมตร
“อยากให้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจหน้าที่หรือเกี่ยวข้องนั้นได้เข้ามาทำการตรวจสอบถึงการก่อสร้างแบบระยะห่างหรือความกว้างของถนนที่จะสามารถก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ตามกฎหมายได้ เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปโดยถูกต้อง และไม่มีผลกระทบและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านและทรัพย์สินของตนรวมถึงผู้ที่อยู่อาศัยต่อไปอีกด้วย”นายแพทย์พิลิปดากล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข
ข่าวในหมวดกทม-สาธารณสุข ![]()
"พลังใจจากสมุนไพรไทย" จิตอาสาแพทย์แผนไทยผลิตยาหม่อง 1,500 กระปุก ช่วยแนวหน้า-ผู้ประสบภัยชายแดน 16:14 น.
- “สมศักดิ์” เผยสถานการณ์น้ำท่วมสุโขทัย น้ำมีแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องจับตาต่อเนื่อง สั่งการ สธ. ให้เกาะติด 11:50 น.
- รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ จัดการอบรมการป้องกันและระงับอัคคีภัย และฝึกซ้อมดับเพลิงและหนีไฟ 18:45 น.
- โฆษก สธ. เคลียร์ชัด! รพ.สรรพสิทธิ์ดูแลผู้ป่วยกัมพูชา ตามหลักมนุษยธรรมทุกกรณี 17:31 น.
- “สธ” เผยจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทำประชาชนเครียดสูง-เสี่ยงฆ่าตัวตายกว่า 2,070 ราย 12:03 น.