วันจันทร์ ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 15:47 น.

กทม-สาธารณสุข

รพ.เด็กสมิติเวช สุขุมวิท ชวนปกป้องลูกน้อยจากไข้เลือดออก

วันพุธ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567, 13.13 น.

 

รพ.เด็กสมิติเวช สุขุมวิท  ตอกย้ำการดูแล แบบ Early Care  ป้องกันก่อนป่วย จัดกิจกรรม “Dengue Zero Day” ให้ความรู้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออกและวิธีป้องกัน เพื่อปกป้องลูกหลานให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก โรคที่คาดว่าจะมีการระบาดหนักในปี 2567 ซึ่งพบผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว 20,590 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี การมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจะช่วยให้ปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก ที่ผ่านมาเราอาจคุ้นเคยกับมาตราการต่างๆ ในการป้องกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเก็บน้ำ เก็บขยะ ทำสภาพแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง และอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันโรคคือการฉีดวัคซีนเพื่อลดการเจ็บป่วยและการนอนโรงพยาบาล เพราะไข้เลือดออกไม่มียารักษา เป็นการรักษาตามอาการเท่านั้น

 

พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และรพ.บีเอ็นเอช และผู้อำนวยการ รพ.เด็กสมิติเวช กล่าวว่า “กลุ่มรพ. สมิติเวช เน้นย้ำในเรื่อง Early Care ป้องกันและส่งเสริมการดูแลสุขภาพก่อนมีอาการเจ็บป่วย #เราไม่อยากให้ใครป่วย  ช่วงนี้เป็นช่วงที่โรคไข้เลือดออกระบาด เป็นโรคที่มีความรุนแรงทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มีอัตราการเกิดซ้ำ และในรายที่เป็นหนักอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้  เราได้ช่วยกันรณรงค์ ไม่ว่าจะเป็น กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายซึ่งเป็นพาหะ หรือการป้องกันไม่ให้ยุงกัด  มาวันนี้การมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดจำนวนผู้เสียชีวิต และลดจำนวนผู้ป่วยในประเทศไทยได้”

 

การป้องกันโรคไข้เลือดออกในเด็ก คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ควรป้องกันไม่ให้บุตรหลานถูกยุงกัด ปัจจุบัน มีการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีน ซึ่งวัคซีนชนิดใหม่นี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ได้สูงถึง 80.2% และลดอัตราการนอนโรงพยาบาล 90.4% โดยฉีดเพียง  2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน และสามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกโดยที่ไม่ต้องทำการตรวจเลือดก่อน ฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 4 ปี ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุไม่เกิน 60 ปี อาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนอาจมีปวดบริเวณที่ฉีด แต่อาการจะหายได้ภายใน 2-3 วัน การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพ และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายหากติดเชื้อแล้วต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล

 

พญ.ภัสสร บุณยะโหตระ กุมารแพทย์โรคติดเชื้อในเด็ก รพ.เด็กสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวว่า “ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) 1 ใน 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4 ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายกัดและดูดเลือดของผู้ที่มีเชื้อไวรัสเดงกีช่วงที่ไวรัสแพร่กระจายในกระแสเลือด และยุงลายที่เป็นพาหะไปกัดผู้อื่น เชื้อไวรัสเดงกีจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่ถูกกัดจนทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัส และสามารถเป็นโรคนี้ได้มากกว่า 1 ครั้ง หากการติดเชื้อครั้งที่ 2 อาจมีอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และอาจเสียชีวิตได้หากมาพบแพทย์ไม่ทัน”

 

“อาการของโรคไข้เลือดออกในเด็ก มีตั้งแต่ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ติดเชื้อไข้เลือดออก หากมีไข้สูงลอยตั้งแต่ 3-7 วัน จะอยู่ในระยะวิกฤติ อาจเกิดภาวะช็อก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น และอาจเสียชีวิตได้ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการบุตรหลาน หากพบว่ามีความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยควรมาพบแพทย์ทันที เพื่อการวินิจฉัยที่ทันท่วงที และเมื่อแพทย์ยืนยันผลการตรวจพบโรคไข้เลือดออก จะเริ่มทำการรักษาด้วยการช่วยให้ร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อกลับเข้าสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด และป้องกันภาวะช็อก ด้วยการให้สารน้ำทางหลอดเลือด หรือให้น้ำเกลือผ่านทางเส้นเลือดดำ ให้รับประทานยาแก้ปวด ลดไข้ ดื่มผงเกลือแร่  เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ให้เลือด ในกรณีมีเลือดออกมาก จำเป็นต้องมีการเจาะเลือดเป็นระยะเพื่อตรวจค่าเลือด เฝ้าระวังภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวลดต่ำ เม็ดเลือดแดงเข้มข้น หรือความดันโลหิตต่ำ”

 

หากลูกน้อยป่วยเป็นไข้เลือดออก นอกจากค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ต้องเสียแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องสละเวลามาเพื่อดูแล ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงานที่ตามมา ดังนั้น การป้องกันโรคจึงเป็นเรื่องที่

คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยจากไข้เลือดออกของทุกคนในครอบครัว

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข