"สมศักดิ์"  ยกระดับบริการสุขภาพถึงที่ให้ชาวสมุทรสาคร ใช้บริการ 14 คลินิค ช่วย "ป้องกัน-ลดความเสี่ยง-ลดค่าใช้ด้านสุขภาพ"  ยันกองทุนบัตรทอง 30 บาท ไม่ล่มแน่นอน ชี้ รณรงค์ลดโรค NCDs จะช่วยลดผู้ป่วย-งบประมาณ ยันอีก 3 ปี งบจะเหลือจำนวนมาก เหตุผู้ป่วยลดลง เผย มติแพทยสภา มีทั้งเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย รอแจงสภาฯเย็นนี้  

วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัยด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ อสม.กว่า 800 คน เข้าร่วม ที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย มีผู้สูงอายุประมาณ 14 ล้านคน หรือประมาณ 21% ของประชากรรวม ทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs และปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก และการได้ยิน เป็นต้น 

“ผมจึงมีความยินดีที่ได้มาเปิด โครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดสมุทรสาคร ในวันนี้ ซึ่งได้นำคลินิกมาให้บริการพี่น้องประชาชน ถึง 14 คลินิก ได้แก่ 1. คลินิกโรคอ้วน 2. คลินิก NCDs และตรวจเท้าเบาหวาน 3. คลินิกโรคไต 4. คลินิกโรคหลอดเลือดสมอง 5. คลินิกต้อกระจก และจอประสาทตา 6. คลินิกโรคหัวใจและหลอดเลือด 7. คลินิกกระดูกและข้อ และผ่าตัดนิ้วล็อค 8. คลินิกตรวจการได้ยิน 9. คลินิกคัดกรองมะเร็งลำไส้ และผ่าตัดวันเดียวกลับ (ODS) 10. คลินิกตรวจมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีน HPV 11. คลินิกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 12. คลินิกสุขภาพใจ 13. คลินิกกายภาพบำบัด และ 14. คลินิกการแพทย์แผนไทย โดยผมเชื่อมั่นว่าโครงการนี้ จะช่วยยกระดับเข้าถึงบริการสุขภาพ สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครได้” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การมารณรงค์ลดโรค NCDs ในวันนี้ นอกจากจะช่วยลดผู้ป่วย ลดความแออัดในโรงพยาบาล ยังช่วยลดงบประมาณด้วย ดังนั้น ที่บอกว่า กองทุน 30 บาทจะเจ๊ง ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะตนกำลังขับเคลื่อน NCDs ลดจำนวนผู้ป่วย เมื่อจำนวนผู้ป่วยน้อยลง ก็จะใช้งบ 30 บาทน้อยลงเช่นเดียวกัน ซึ่งคนชอบอ่าน แต่ไม่ชอบคิด โดยต้องคิดเป็นและดูให้ดีด้วย 

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เป้าหมายการรณรงค์วันนี้ เพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้เหมาะสมกับร่างกาย จะได้ป้องกันการเจ็บป่วย โดยจากการเริ่มรณรงค์ มีประชาชนนับคาร์บได้แล้ว 30 ล้านคน จากเป้าหมาย 50 ล้านคน ซึ่งเมื่อครบ ก็จะมีรางวัลให้กับ อสม. ด้วยการตรวจสุขภาพฟรี

เมื่อถามว่า ระบบบัตรทอง 30 บาท ไม่มีวันล่มแน่นอนใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีวันล่ม เพราะยิ่งเราทำเรื่อง NCDs ก็จะมีแต่เงินเหลือใช้ เนื่องจากไม่มีคนป่วยเพิ่ม ดังนั้น อีก 3 ปี บัตรทอง 30 บาท เงินจะเหลือจำนวนมาก 

เมื่อถามถึงกรณีวีโต้มติแพทยสภา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวตนจะชี้แจงที่สภาฯในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งจะชี้แจงกับสื่อมวลชนครั้งเดียว ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในเนื้อในการทำหนังสือตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม โดยมีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ที่มีความเห็นแพทย์อีกกลุ่ม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า คนที่มีสติปัญญามันสมองเป็นเลิศ จะไม่ทำอะไรที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล ซึ่งคนที่มาคัดค้าน ก็ต้องเห็นเป็นเหตุเป็นผล ส่วนที่ยังค้าน ข้อมูลก็อาจยังไม่เติมเต็ม โดยแพทย์ ไม่จับปืนมายิงกันหรอก มีแต่จับมือนั่งพูดคุยกัน เมื่อถามต่อถึงเรื่องไลน์แพทยสภาหลุด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจ 

จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ชั้น 4 เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดงาน “เขตเมือง ชวนนับคาร์บ ลดเสี่ยง ลดโรค NCDs” โดยมี นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) เข้าร่วมด้วย

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายที่จะทำให้ คนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรม ที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค เช่น การกินอาหารไม่เหมาะสม กินหวาน มัน เค็ม มากเกินไป การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ขาดการออกกำลังกาย และมลพิษทางอากาศ โดยพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่เหมาะสม มีความเครียดสูง และมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างต่ำ ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรค NCDs สูงขึ้น ดังนั้น ตนเชื่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความรอบรู้ให้แก่พี่น้องประชาชน ทำให้เกิดความตระหนัก และให้ความสำคัญกับการจัดการสุขภาพตนเอง และเป็นโอกาสสำคัญ ที่เราจะได้ร่วมมือกันหาแนวทางเพื่อรับมือ ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรค NCDs ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น