วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568 10:27 น.

กทม-สาธารณสุข

"ชัยชนะ" นำกรมสุขภาพจิตผนึกท้องถิ่นตรัง  เปิดตัวโครงการ "เลี้ยงเก่ง ลูกเก่ง"   เยี่ยม รพ.กันตัง เตรียมปั้นนวดแผนไทย ดันส่งออก

วันเสาร์ ที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 14.11 น.

"ชัยชนะ" นำกรมสุขภาพจิตผนึกท้องถิ่นตรัง  เปิดตัวโครงการ "เลี้ยงเก่ง ลูกเก่ง"  สอนเทคนิคเลี้ยงลูกให้มี EQ ดี-พัฒนาการสมวัย เสริมพลังครอบครัวไทยให้แข็งแกร่ง ตั้งเป้าขยายสู่ 1.5 ล้านครอบครัวทั่วประเทศในปี 2572  เยี่ยม รพ.กันตัง เตรียมปั้นนวดแผนไทย ดันส่งออกต่างประเทศ พร้อมอนุมัติงบ 36 ล้านบาท สร้างอาคารใหม่  "ยกระดับสาธารณสุข ควบคู่ส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก" 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568  นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ "เลี้ยงเก่ง ลูกเก่ง ด้วย Thai Triple-P"  ( The Thai Preschool Parenting Program หรือ โปรแกรมฝึกทักษะการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยไทย เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและสร้างวินัยเชิงบวกให้กับเด็กปฐมวัย โดยเน้นการมีส่วนร่วมของครอบครัวและผู้ปกครอง) ระหว่างกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดตรัง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย

พิธีจัดขึ้น ที่โรงแรมเรือรัษฎา อำเภอเมืองตรัง โดยความร่วมมือในครั้งนี้ครอบคลุมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง 101 แห่ง ได้แก่ ท้องถิ่นจังหวัดตรัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เทศบาล 24 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 75 แห่ง รวมทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1,000 คน เพื่อผนึกกำลังขับเคลื่อนโครงการ "เลี้ยงเก่ง ลูกเก่ง ด้วย Thai Triple-P" ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 2 –6 ปี และผู้ปกครอง โดยใช้หลักการเสริมพลัง การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และการใช้วิธีการกระตุ้นพัฒนาการ (DSPM) เพื่อสร้างสายใยรัก วินัยเชิงบวก และกระตุ้นพัฒนาการเด็กให้เติบโตสมวัย พร้อมทั้งพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์อย่างมีนัยสำคัญ

นายชัยชนะ  รมช.สธ. กล่าวว่า โครงการนี้มีแผนจะขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 100,000 ครอบครัวภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 1.5 ล้านครอบครัวภายในปี 2572 ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงานโครงการได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมนำร่องในเขตสุขภาพที่ 11 (นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี) เพื่อเตรียมความพร้อมและขยายผลโครงการให้ครอบคลุมมากขึ้น
 
"เราคาดหวังว่าการดำเนินโครงการนี้จะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีทักษะในการเลี้ยงดูบุตรหลานได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและหลักสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงปฐมวัย อายุ 2-6 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เด็กเริ่มเรียนรู้และซึมซับพฤติกรรมจากครอบครัว โครงการนี้จึงร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยกรมสุขภาพจิตจะทำการอบรมแนวทางการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยให้กับครูผู้สอน จากนั้นครูจะนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อให้ผู้ปกครอง เพื่อให้การดูแลลูกเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม"รมช.สธ. ชัยชนะ กล่าวว่า

รมช.สธ. ชัยชนะกล่าวว่าอีกว่านอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเด็กในช่วงวัยรุ่น โดยได้ขยายผลโครงการไปยังกลุ่มอายุ 13-15 ปี ภายใต้ชื่อ "โครงการวัยรุ่นติดเกราะจาก Bully สู่ Buddy" ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตที่เด็กเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป

"ในช่วง 13-15 ปี เป็นช่วงที่เด็กจะเชื่อเพื่อนมากกว่าผู้ปกครอง และอาจเริ่มลองสิ่งผิดกฎหมายอย่างยาเสพติด หนีเรียน หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว หากเราสามารถทำความเข้าใจและให้ความรู้ที่ถูกต้อง จะช่วยให้เด็กๆ เลือกที่จะอยู่ในกรอบที่เหมาะสม มีโอกาสเลือกแผนการเรียนที่ตนเองต้องการในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และสามารถเลือกเส้นทางอาชีพในอนาคตได้" รมช.ชัยชนะกล่าวทิ้งท้าย
 
โครงการนี้จึงถือเป็นความพยายามของกระทรวงสาธารณสุขในการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของชีวิต ไปจนถึงช่วงวัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดอนาคตของตนเอง โดยกิจกรรมนี้มี นายกาญจน์ ตั้งปอง สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และ นายทรงศักดิ์ มุสิกอง  สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมเป็นพลังในการผลักดันกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

 เยี่ยม รพ.กันตัง เตรียมปั้นนวดแผนไทย ดันส่งออกต่างประเทศ พร้อมอนุมัติงบ 36 ล้านบาท สร้างอาคารใหม่  

 นายชัยชนะ เดินทางไปยังโรงพยาบาลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพื่อปฏิบัติภารกิจเยี่ยมเสริมพลังและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในพื้นที่

 รมช.สาธารณสุข กล่าวช่วงหนึ่งถึงนโยบายสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาการแพทย์แผนไทย รวมถึงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลกันตัง โดยเปิดเผยว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะ ฝึกอบรมนวดแผนไทยให้กับประชาชนจำนวน 50 คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งมีมูลค่าคนละ 10,000 บาท และพิเศษยิ่งขึ้นคือผู้ที่เรียนจบหลักสูตรจะได้รับ เงินทุนสนับสนุนอีก 500,000 บาท เพื่อเริ่มต้นประกอบอาชีพ เนื่องจากปัจจุบันตลาดต่างประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีความต้องการหมอนวดแผนไทยสูงมาก แต่ประเทศไทยยังผลิตบุคลากรได้ไม่เพียงพอ โครงการนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสทางอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนไทย

นอกจากนี้ รมช.ชัยชนะ ยังแจ้งข่าวดีว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 36 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคาร 3 ชั้น ที่โรงพยาบาลกันตัง ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
ในการนี้ รมช.สาธารณสุข ได้มอบพันธุ์กล้าไม้ และถุงยางอนามัยให้แก่ตัวแทนนักเรียน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและลดการติดเชื้อรายใหม่ โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมการให้บริการทางการแพทย์แผนจีนของโรงพยาบาล พร้อมรับฟังแผนพัฒนาโรงพยาบาลในอนาคต เพื่อการยกระดับคุณภาพบริการสาธารณสุขเพื่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
 
 

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข

ข่าวในหมวดกทม-สาธารณสุข