วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568 04:58 น.

กทม-สาธารณสุข

เด็กนอนกรนจากต่อมทอนซิล (Tonsil) และต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid)

วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.32 น.

เด็กนอนกรนจากต่อมทอนซิล (Tonsil) และต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid)

 

เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักอาการต่อมทอนซิลในเด็ก โดยเด็กมีไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ คุณพ่อคุณแม่มักจะถามว่า แล้วเป็นทอนซิลอักเสบมั้ย? ซึ่งผู้ร้ายตัวจริง คือเชื้อไวรัสที่ก่อโรคแต่ทอนซิลเป็นแพะรับบาป เพราะเมื่อตรวจพบทอนซิลโตร่วมกับคอแดง มักจะได้รับการวินิจฉัยว่าลูกเป็น “ต่อมทอนซิลอักเสบ” อันที่จริงทั้งทอนซิลและคอหอย ก็จะแดงเวลาติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจส่วนบนอยู่แล้ว ซึ่งต่อมทอนซิลก็คือ ต่อมน้ำเหลือง ต่อมหนึ่งของร่างกาย ตั้งอยู่ 2 ข้าง บริเวณใกล้ ๆ กับโคนลิ้น ทั้งนี้บทความให้ความรู้โดย พญ.ปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี (ว.34486) กุมารแพทย์เฉพาะทาง โรคทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช ได้เขียนอธิบายให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ สาเหตุ ของเด็กนอนกรนจากต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โต เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่นำไปสังเกตลูกน้อยจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

 

 

ต่อมน้ำเหลือง เป็นที่อยู่ของเม็ดเลือดขาว โดยเจ้าเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่เหมือนทหารในร่างกาย เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 6 ปีนั้น จะติดเชื้อได้ง่ายเพราะเซลล์ภูมิคุ้มกันก็เปรียบเสมือนทหาร ถ้าเจอศัตรูครั้งแรกก็ยังไม่เก่งดังนั้นจึงต้องเอาทหารจำนวนมากเข้าสู้ เราก็ต้องสร้างทหาร (เซลล์ภูมิคุ้มกัน) จำนวนให้มาก ๆ บ้าน (ต่อมน้ำเหลือง) ก็ต้องใหญ่ตามจำนวนเซลล์ที่มาก เพราะฉะนั้นในเด็กอายุ 2-6 ปี ก็จะมีภาวะต่อมน้ำเหลืองโตได้อยู่แล้ว (lymphoid hyperplasia) พอเด็กโตขึ้นพบเจอเชื้อโรคมามาก ภูมิคุ้มกันทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นในเด็กโต ต่อมน้ำเหลืองก็จะไม่ต้องมีขนาดใหญ่ เพราะทหารเก่งขึ้น ก็ใช้ทหารน้อยลง

 

ต่อมน้ำเหลืองในร่างกายเรากระจายอยู่ทั่วร่างกาย แต่ต่อมทอนซิลอยู่ในที่ที่มองเห็นได้ และอยู่ในตำแหน่งที่มีการติดเชื้อบ่อยที่สุดในเด็ก คือทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เด็กจำนวนมาก ตรวจพบต่อมทอนซิลโต แม้ว่าตอนนั้นเค้าสบายดีอยู่ก็ตาม พอเจ็บป่วย ทอนซิลที่โตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะแดงขึ้น จึงจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ต่อมทอนซิลอักเสบ

 

ซึ่งจริง ๆ สาเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบในเด็กเล็ก คือไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคหวัด แต่พอมีคำว่า ต่อมอักเสบ ก็มักจะสร้างความกังวล และจบลงที่ได้รับยาปฏิชีวนะอยู่เสมอ ทำให้เด็ก ๆ ได้รับยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น แต่ก็ใช่ว่าต่อมทอนซิลอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจะไม่มี แต่มักจะมีอาการเด่น คือเด็กจะไข้สูง เจ็บคอมาก  โดยเฉพาะเวลากลืน อาการเหล่านี้จะเป็นเร็ว ไม่มีอาการหวัดนำมาก่อน ไม่มีอาการไอ หรือไอน้อยมาก ตรวจพบหนองที่ต่อมทอนซิล ถ้ามีอาการเช่นนี้ต้องกินยาปฏิชีวนะจนครบ 10 วัน

 

นอกจากต่อมทอนซิลจะเป็นต่อมที่มองเห็นได้ง่าย เป็นที่รู้จักมันยังสร้างปัญหาด้วยการอยู่บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งถ้ามีขนาดโตมาก ๆ ก็จะอุดกั้นทางเดินหายใจเวลาเรานอนหลับ กล้ามเนื้อทางเดินหายใจหย่อน ประกอบกับมีต่อมน้ำเหลืองโตขวางทางอากาศ

 

อาการของเด็กจะนอนกรน เกิดขึ้นเพราะอากาศไหลผ่านที่แคบ ๆ ถ้าต่อมทอนซิลโต ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ กันจะโตด้วย ชื่อว่า ต่อมอะดีนอยด์  ถ้าทั้งสองต่อมโตมากก็เหมือนมีก้อนหินใหญ่ 3 ก้อน ขวางทางเดินอากาศ (ดูรูปประกอบ)

 

 

เด็กจะนอนกรนเสียงดัง ในบางคนอาจมีภาวะหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น ซึ่งถ้าลูกนอนกรนมาก อ้าปากหายใจ และมีจังหวะสะดุดตอนหลับ

 

แนะนำให้พาลูกไปปรึกษากุมารแพทย์โรคทางเดินหายใจ เพื่อประเมินความรุนแรง และวางแผนการรักษาต่อไป

 

เด็กที่มีภาวะภูมิแพ้จมูก มีต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โตได้ มากกว่า เด็กที่ไม่มีภาวะภูมิแพ้ เพราะเด็กที่เป็นภูมิแพ้จมูก มักจะมีอาการเยื่อบุจมูกอักเสบ คัดจมูกและหายใจลำบาก เด็กจะนอนอ้าปากหายใจ ซึ่งการหายใจทางปากนั้น จะทำให้อากาศที่หายใจเข้าไปไม่ได้กรองฝุ่นละอองได้ดีเท่ากับจมูก จึงมีต่อมทอนซินและอะดีนอยด์ที่โตได้ง่ายกว่า

  • เมื่อไหร่ควรตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์
  • ถ้าการกรนนั้น ทำให้มีภาวะหยุดหายใจ เกิดจากต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์โต และไม่ตอบสนองกับการใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก จะเป็นข้อบ่งชี้ในการตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์
  • หรือมีการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลบ่อยมาก (ความถี่ไม่ได้ระบุชัดเจน) แต่มีการศึกษาว่าไม่ได้ทำให้การติดเชื้อลดลงชัดเจน

 

ต่อมทอนซิลเป็นต่อมน้ำเหลือง 2 ต่อม ในหลายร้อยต่อม การตัดออกไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง แต่การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยง ดังนั้นต้องชั่งใจระหว่างประโยชน์ที่จะได้ กับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดในการผ่าตัด ซึ่งต้องตัดสินใจร่วมกัน ระหว่างผู้ปกครองและแพทย์ผู้รักษา ทั้งนี้ ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพการรักษา มาตรฐานการให้บริการ ระบบการดูแลผู้ป่วยด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐาน AACI (American Accreditation Commission International) ประเทศสหรัฐอเมริกา ศ.ศ 2025 รวมถึง โปรแกรมการรับรอง AACI "ความเป็นเลิศด้านสตรีมีครรภ์" AACI Clinical Excellence Certification Maternity Services ศ.ศ 2025, ISO 7101:2023 – Health Care Organization Management และ ISO 9001:2015 – Quality Management Systems กรณีหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ โทร. 1507 Line: @navavej

 

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข