วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 08:58 น.

กทม-สาธารณสุข

คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

วันเสาร์ ที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2560, 14.15 น.


คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
 


       

บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมการขนส่งทางบก สร้างจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านโครงการ “รณรงค์คาดเข็มขัดนิรภัยแถวหลัง” เพื่อสนับสนุนมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ซึ่งกำหนดให้ผู้โดยสารรถยนต์ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย รวมถึงผู้โดยสารที่เบาะหลัง ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารรถยนต์และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเริ่มประชาสัมพันธ์ผ่านผู้ประกอบการรถแท็กซี่
       

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์   กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า   สสส. สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ และภาคีเครือข่ายให้ความสำคัญกับการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาอุบัติเหตุทางถนนได้คร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก  สาเหตุมาจากการดื่มแล้วขับ การขับเร็ว  ไม่สวมหมวกนิรภัย  รวมถึงการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ที่ได้ส่งผลกระทบทำให้เกิดความรุนแรง บาดเจ็บ และเสียชีวิตสูง  โดย มูลนิธิไทยโรดส์ ได้สํารวจอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารนั่งเบาะตอนหลังในรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จํานวน 8 จุด ประกอบด้วย  เขตราชเทวี เขตบางกอกน้อย เขตคลองเตย และเขตคลองสาน เขตบางนา เขตพระโขนง เขตภาษีเจริญ และเขตราษฎร์บูรณะ  โดยเก็บข้อมูลเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงเวลา 07.00 - 17.00 น. ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2560 รวมทั้งสิ้น 3,260 คัน  จํานวนผู้โดยสารนั่งเบาะตอนหลัง 3,717 คน  พบว่า มีอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารนั่งเบาะตอนหลังในรถแท็กซี่ เพียง  3 %  และไม่คาดเข็มขัดนิภัย สูงถึง 97 %จำแนกเป็น เพศชาย คาดเข็มขัดนิรภัย  4 %  ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 96 %  ส่วนเพศหญิง  คาดเข็มขัดนิรภัย  3%  ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 97 %
       

นายวิเชษฐ์  กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐและทุกภาคส่วนได้มีการกำหนดมาตรการความปลอดภัย เกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างเข้มเข้มและต่อเนื่อง  แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้โดยสารยังละเลยและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อย  เพราะเข้าใจว่าการนั่งโดยสารรถ ถ้านั่งเบาะหลังน่าจะปลอดภัยกว่านั่งเบาะหน้า หรือหากเป็นการใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถโดยสารสาธารณะ มักคิดว่านั่งไม่นานก็ลง  ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว รถที่วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม/ชม. หากเกิดอุบัติเหตุจะทำให้คนที่นั่งบนรถพุ่งไปข้างหน้าและเมื่อมีการปะทะคนหรือวัตถุในตัวรถ แรงปะทะจะเทียบเท่ากับการตกตึก 5 ชั้น ส่งผลให้คนที่ไม่คาดเข็มขัดทะลุกระจก ชนเก้าอี้หรือคนที่นั่งอยู่ตอนหน้า ทำให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้  นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ขับรถยนต์และผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่รอดตายเพราะคาดเข็มขัดนิรภัย   เพราะเข็มขัดนิรภัยสามารถลดความรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ถึง 34-40 % เมื่อเทียบกับการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่มีการสำรวจและจัดอันดับการคาดเข็มขัดนิรภัยใน 182 ประเทศทั่วโลก ปรากฏว่า 1 ใน 4 ของประเทศที่สำรวจอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนประเทศไทยได้คะแนน 6 จากคะแนนเต็ม 10  ถือว่ายังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร
         

นางสาวนิตยา พิริยะธรรมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย กล่าวว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้โดยสารส่วนใหญ่จะคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหน้าจนเป็นนิสัยแล้ว ในขณะที่ผู้โดยสารที่เบาะหลังจำนวนมากยังไม่คุ้นชินกับการคาดเข็มขัดนิรภัยและเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินและชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยคนส่วนใหญ่มักคิดว่าไม่มีความจำเป็น ทั้งที่แท้จริงแล้ว มีตัวอย่างมากมายของความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดจากการชะล่าใจดังกล่าว ทั้งนี้ ชับบ์ประกันภัยมีความประสงค์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในสังคมในการผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้โดยสารรถยนต์ โดยดำเนินการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกผ่านสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ อาทิ สติ๊กเกอร์ ป้ายติดกระจกรถยนต์ โปสเตอร์ สปอตวิทยุ โดยเริ่มรณรงค์ในกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ด้วยการติดสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งในตัวรถและนอกรถ เพื่อให้เกิดการรับรู้และนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหลัง โดยจะรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการรับรู้และตระหนักถึงอันตรายจากการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จนเกิดความเคยชินจนติดเป็นนิสัย เหมือนกับการคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหน้า เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้โดยสารเอง
       

นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก มีหน้าที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อความปลอดภัยได้กำหนดให้รถส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะตามกฎหมายต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ส่วนผู้โดยสาร หากมีผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ห้ามนำรถออกจากสถานีขนส่งหรือจุดจอด เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว สำหรับบทลงโทษตามกฎหมายจราจรทางบกฯ หากผู้ขับหรือผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ รถแท็กซี่ จะโดนปรับคนละไม่เกิน 500 บาท แต่หากเป็นรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร รถทัวร์ รถบรรทุกสินค้า คนขับถูกปรับไม่เกิน 500 บาท ส่วนผู้โดยสารถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตามมาตรา 113

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข