วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 12:42 น.

อาชญากรรม

พระมหาตีนหนัก! ยันไม่ได้เจตนาทำร้ายศิษย์ให้ตาย

วันศุกร์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561, 11.48 น.

 

พระมหาตีนหนัก!
ยันไม่ได้เจตนาทำร้ายศิษย์ให้ตาย


   

วันนี้ 14 กันยายน 61 จากกรณี พระมหาศิขริน สุขิตโต พระลูกวัด วัดหนองเสือที่วัดหนองเสือ ต.หนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่ได้ตกแป็นผู้ต้องหาในคดีกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ นายย้อย แสงกระโสม ลูกศิษย์ วัดถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 12 กันยายน 61 ที่ผ่านมา โดยญาติได้มาร้องผ่านสื่ออยากให้มีการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

              

โดยบรรยากาศในวัดเป็นไปอย่างสงบ มี่พระลูกวัดและหัวหน้าคณะสงฆ์ ได้จับกลุ่มพูดคุยกันตามปกติ ซึ่งพบว่า พระมหาศิขริน ซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ยัองจำวัดอยู่ในนชั้น 2 ศาลาการเปรียญ โดยมีลูกศิษย์ คอยเฝ้าอยู่ทีอาหารตั้งไว้แต่ยังไม่มีใครได้กิน ที่ห้องโถงใหญ่

               

โดยผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเข้าสอบถามถึงข้อมูลที่เกิดขึ้นจาก พระมหาศิขริน ซึ่งสีหน้ามีความเคียดวิตก อย่างเห็นได้ชัดซึ่ง ได้เปิดใจหลังการได้รับการประกันตัวจากศาลจังหวัดนครปฐม โดยได้บอกว่า สำหรับสาเหตุดังกล่าวยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งสาหตุเกิดจากเบื่อกับความไม่เป็นระเบียบของนายย้อย มานานซึ่งมันจะขอติดตามไปบิณฑบาตรและไปขอเงินยาติโยมที่บาตรทุกวัน จนโยมได้มาบอกว่ารำคาญ จากนั้นก็ได้มีการตักเตือนไปกันไปหลายครั้ง แต่ไม่มีการยอมรับหรือเปลี่ยนแปลง โดยเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก ซึ่งจากนั้นไม่นานก็มีมัคทายกของวัดมาถามว่า มีปัญหาอะไรกับนายย้อยหรือไม่ ก็บอกไปว่าเคยได้เตือนเรืองพฤติกรรม ของนายย้อย ซึ่งทางมัคทายกได้บอกว่า นายย้อยได้ไปพูดว่า พระมหา หมายถึงอาตมามีผู้หญิงมาหาหลายครั้ง

 

               

เมื่ออาตมาได้ยินก็ตกใจและโกรธมากเพราะเรื่องผู้หญิงกับพระคือเรื่องใหญ่ วันที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 61 หลังฉันเพลเสร็จก็ได้เรียกนายย้อยมาถามว่าพูดอะไรในทางไม่ดี นายย้อยได้ปฎิเสธ และบอกว่าให้ตบหน้าได้เลย ตนเองด้วยความโมหะ สะสมจึงได้ชกไป 1 ครั้ง จนนายย้อยล้มอลง และหัวไปฟากฟื้น ไม่ได้เตะมีการรุมเตะอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนั้นได้ไปงานที่วัดอื่น ก่อนจะมาทราบเรื่องและกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไปเยี่ยม จนเมื่อวานตำรวจบอกให้มามอบตัวเพราะนายย้อยเสียชีวิต ซึ่งจากวันที่ 4 ถึงวันนี้ฉันข้ามไม่ได้เลย และสำนึกผิดมากตลอด และไม่ได้หนีไปไหน รอให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา วันนี้ก็จะลาสิกขาเพราะผิดพระวินัย ปาราชิก เพราะทำให้คนตาย

               

อาตมาบวชมา 10 ปี ทำงานในศาสนามามาก รักในศาสนา แต่วันนั้นมันขันติหลุดเพราะเครียดหลายเรื่อง จึงได้ชกไป และมานั่งเสียว่าเราพลาดที่ทำร้ายไป ยอมรับในสิ่งทื่ทำแต่ไมไม่คิดปองร้ายถึงแก่ชีวิต วันนี้เสียใจที่จะพ้นสภาพการเป็นพระและขอโทษทางญาติของนายย้อย ที่เกิดเหตุอย่างนี้ ทุกวันเครียดและคิดว่าเป็นกรรมเวรร่วมกับนายย้อยที่ต้องมาเจอกันในสภาพแบบนี้ และยอมรับในกรรมต่อกันที่เกิดขึ้น ตามหลักศาสนา ต่อจากนี้จะขอปักหลักสู้กับปัญหาทางด้านคดีจนเสร็จสิ้นก่อนไม่หนีไปไหนแน่นอน

 

               

พระประดิษฐ์ ชยาพลโน พระลูกวัด บอกว่าอาตมาได้มาเห็นช่วงที่นายย้อยถูกชก และยังเห็นว่าลุกเดินได้ ก็คิดว่าไม่มีอะไรมาก โดยยังบอกว่าให้ไปหายามากินและไปกินข้าว ก่อนายย้อยจะไปนอนที่นอนประจำคือที่ศาลาการเปรียญหลังเก่า จากนั้นพระทุกรูปก็ไปกิจนิมนต์กันที่วัดไร่แตงทอง ก่อนจะกลับมาในช่วงบ่ายและมีพระรูปแก่ในวัดวิ่งมาบอกว่า นายย้อยน่าจะตายแล้วซึ่งก็เป็นการพูดเล่นว่านายย้อยตายแล้ว พระก็วิ่งไปดูกันเห็นว่ายังหายใจไม่มีสติก็ช่วยกันอุ้มไปส่งโรงพยาบาล และก็มาดูแลกันจนมาเสียชีวิต เรื่องก็คือมีพระทำร้ายกันจริงแต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่า ให้ตายแต่พลาดหัวไปกระแทกพื้นจนเกิดอาการต่อมา ซึ่งนายย้อยก็เมาและไปโดนคนข้างนอกทำร้ายมาบ่อยมาก

 

               

ส่วนพระบุญช่วย นันโท หัวหน้าคณะพระสงฆ์ บอกว่า นายย้อยอยู่วัดนี้มานานซึ่งการสอบสวนในวัดเบื้องต้นก็ชัดเจนว่ามีการทำร้ายกัน ก็น่าจะเกิดจากความโมโหที่ถูกให้ร้าย แต่หลังจากเกิดเหตุคณะสงฆ์ได้เดินทางไปดูแลนายย้อยกันที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม มาโดยตลอดและที่นายย้อยมาอยู่ที่วัดเพราะลูก หลานไม่ให้เข้าบ้านก็ต้องมานอนที่วัดมาขอข้างก้นบาตรและเศษเงินไปซื้อเหล้า เรียกว่าเป็นขี้เมาประจำวัด ซึ่งทางวัดก็เอ็นดูและให้พักอยู่ที่วัด โดยช่วงที่บาดเจ็บก็ยังไม่ได้ทอดทิ้ง พระศิขรินทร์ก็ยังอยู่ไม่ได้ไปไหน รอคอยฟังอาการพอมาทราบว่าตาย ไม่กี่วันลูกสาวก็ออกมาต่อว่าวัดว่าไม่ดูแล ซึ่งไม่เป็นความจริง ซึ่งน่าจะเข้ามาคุยกันในวัดพระนายย้อยก็เป็นคนเก่าแก่ และทางวัดกำลังจะจัดงานศพให้ แต่ทางญาติไปบอกว่าวัดหนองเสือไม่ให้นำศพมาวัด ทำให้วัดเสียหาย ข่าวที่ออกไปทั้งหมดไม่เป็นจริง ทั้งมีพระรุมกระทืบศิษย์จนตาย ทั้งการไม่ให้นำศพมาวัด อยากจะให้คนที่ต่อว่าเข้ามาสอบถามดูก่อน แบบนี้ทำให้เสียชื่อเสียงไปหมด

               

ขณะที่บรรยากาศภายในวัดจนถึงช่วงเย็น ก็เป็นไปอย่างสงบมีงานศพและมีการจัดงานภารกิจของคณะสงห์เรียบง่ายเพราะมีพระแค่ 13 รูป โดยเจ้าหน้าที่วัดและลูกศิษย์ต่างแสดงความเป็นห่วงว่ากระแสข่าวทางลบที่ออกไป จะทำให้วัดเสียชื่อเสียง เนื่องจากกระแสข่าวพระในช่วงนี้ก็ไม่ค้อยจะสู้ดีนัก

หน้าแรก » อาชญากรรม