ศาลสั่งคุก8ปี“ไอ้มอส”
ข่มขืนสาวนอร์เวย์ที่เกาะพะงัน

ศาลเกาะสมุยตัดสินจำคุก 8 ปี”เรวัต หรือมอส หาญสุวรรณ”ข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวนอร์เวย์ทำลายภาพพจน์ท่องเที่ยว

จากกรณีที่นักท่องเที่ยวสาวอายุ 26 ปี สัญชาตินอร์เวย์ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีว่าถูกข่มขืนเหตุเกิด บริเวณริมถนนลูกรัง (ซอยตรงข้ามห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี สาขาเกาะพะงัน) หมู่ที่ 1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อ เวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 12 พ.ค.2562 จนกระทั่งตำรวจแกะรอยจากภาพวงจรปิดจับกุมตัวผู้ต้องหาได้คือนายเรวัต หาญสุวรรณ หรือมอส อายุ34 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ให้การรับสารภาพพนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนส่งอัยการและส่งฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุย

ล่าสุดวันนี้ ( 31 พ.ค. 62 )ศาลจังหวัดเกาะสมุยซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษา เลขคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ474/62 หมายเลขแดงที่ 464/62 จำเลยชื่อ นายเรวัตหรือมอส  หาญสุวรรณพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามรายการประวัติกองทะเบียนประวัติอาชญากรตามฟ้อง จำเลยกระทำผิดมาแล้วหลายคดีจนเป็นปกตินิสัย ประกอบกับการกระทำของจำเลยทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อันเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น  จึงเห็นสมควรลงโทษสถานหนัก จำคุก  12  ปี  เพิ่มโทษหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา  92  เป็นจำคุก 16 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78  คงจำคุก 8 ปี ไม่รอลงอาญา

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวหลังจากตำรวจ สภ.เกาะพะงันรับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวถูกข่มขืนเมื่อวันที่ 12 พ.ค.62 แล้วรายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทันที จากนั้น พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีรับทราบรายงานต่อ พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และนำทีมชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญของจังหวัดลงพื้นที่ทันทีโดยไล่เรียงภาพวงจรปิดตามที่ผู้เสียหายให้รายละเอียดว่าขณะเกิดเหตุ หลังกลับจากท่องเที่ยวที่ปาร์ตี้ฮาฟมูน พื้นที่หมู่ 3 ต.บ้านใต้ เมื่อกลับถึงที่พักที่กู้ดไทม์รีสอร์ท พื้นที่ หมู่ 1 ต.เกาะพะงัน พบว่ากระเป๋าเงินหายจึงได้ออกจากที่พักเพื่อไปตามหาพร้อมกับเพื่อนชายแต่ไม่พบกระเป๋าเงิน เพื่อนผู้ชายจึงขอตัวกลับที่พักแต่เธอยังเดินทางเท้าบนถนนมุ่งสู่ชายหาดเพื่อกลับไปที่งานปาร์ตี้จนถึงที่เกิดเหตุซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 100 เมตร ก็ได้พบกับผู้ชายไม่ทราบสัญชาติแน่ชัดแต่เป็นชาวเอเชียขี่รถจักรยานยนต์มาอาสาพาไปตามหากระเป๋า แล้วนำไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายและข่มขืนในซอยตรงข้างห้างสรรพสินค้าและระหว่างการต่อสู้ พบว่าล๊อคเก็ตสีน้ำเงิน, จิวสะดือสีชมพู และเล็บปลอมของผู้เสียหายหล่นหายไปจึงได้มอบหมายให้ชุดสืบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สภ.เกาะพะงันเร่งตรวจค้นบริเวณที่เกิดเหตุตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นที่เกิดเหตุจริงหรือไม่

ตำรวจอีกชุดตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง พบเบาะแสผู้ที่ก่อเหตุ คือ นายเรวัต หาญสุวรรณ หรือมอส อายุ 33 ปี ชาวนครศรีธรรมราชเพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำเกาะสมุยในคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมาและได้ไปทำงานที่อู่ซ่อมรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งบนเกาะพะงันโดยรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถของลูกค้าที่นำมาซ่อมไว้ด้วย

ทันทีที่รู้ตัวผู้ต้องสงสัย จึงได้ให้ตำรวจนอกเครื่องแบบคุมพื้นที่ไว้ก่อนพร้อมหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมจนแน่ชัดว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริงแน่นอน จากนั้นพล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เดินทางไปขออนุมัติหมายศาลจังหวัดเกาะสมุย เพื่อขอหมายจับ นายเรวัต ทันที ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยที่ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”

จากนั้นนำหมายศาลไปจับ นายเรวัตถึงร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ริมถนนสายบ้านท้องศาลา-บ้านใต้ หมู่ 1 ตำบลท้องศาลา อำเภอเกาะพะงัน โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำจริงโดยใช้กำปั้นทุบไปที่ท้องของนักท่องเที่ยว 1 ครั้งและลงมือข่มขืน จนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง จากนั้นให้ผู้เสียหายเข้ามาชี้ตัว ทันทีที่เห็นหน้านายเรวัต เธอถึงกับร้องไห้ และยืนยันว่าเป็นคนเดียวกัน จากการตรวจสอบประวัติ ของนาย เรวัต หรือ มอสผู้ต้องหารายนี้ พบว่าเคยก่อเหตุมาแล้วถึง 8 คดีตั้งแต่ปี 2549 สภ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชข้อหา“พยายามฆ่าผู้อื่น”ปี 2551 สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราชข้อหา “วิ่งราวทรัพย์”ปี 2554 สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง” ปี 2555 สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ข้อหา “ลักทรัพย์” ปี 2558 สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ข้อหา“เสพยาเสพติดแล้วขับรถ”ปี 2559 สภ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ข้อหา “เสพยาเสพติด”ปี 2559 สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีข้อหา “ครอบครองยาเสพติด” และนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพดังกล่าวโดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี /พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ดูการทำแผนในที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมสั่งดำเนินคดีเฉียบขาด โดยใช้เวลาคลี่คลายคดีนี้ไม่ถึง 2 วัน