เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 เมษายน 2563  พ.ต.อ.เอนก  ทองสระอยู่  ผกก.สภ.อำเภอเมืองปทุมธานี   พ.ต.ท.สศุสิทธิ์  มากผ่อง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองปทุม  พ.ต.ท.สัญชัย เมธีวิวัฒน์  สว.สส.สภ.เมืองปทุม ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกกระแสไฟฟ้าดูดเสียชีวิต2ราย เหตุเกิด ซอยวัดป่ากลางทุ่งซอยที่ 2บ้านเลขที่ 74 /2 หมู่ 2 ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี หลังรับแจ้งเหตุได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน  แพทย์นิติวิทยาศาสต์กระทรวงวิทยาศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิ ร่วมกตัญญู

 

ที่เกิดพบผู้เสียชีวิต 2 รายบริเวณใต้ต้นกระท่อม มีสายลวดและสายไฟใกล้ที่เกิดเหตุ โดยฝ่ายชายสภาพกำมือแน่น หัวติดกำแพงบ้านและฝ่ายหญิงมีบาดแผลบริเวณที่ริมฝีปาก จากการตรวจสอบ สายไฟยาวประมาณ 36 เมตรมาจากบ้านเลขที่ 100/54 ซึ่งโยงไปผูกติดกับต้นกระท่อมบริเวณใกล้กับผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมา นางสาวสุกัญญา จ้อยประดิษฐ์อายุ  44 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 15/1 หมู่ที่ 3 ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี สภาพศพนอนหงายเสื้อยืดสีส้มกางเกงขาสั้น  ส่วนฝ่ายชายเป็นชาวพม่าชื่อเล่นว่า มั้ย  อายุ  47 สภาพศพชาย นอนหงายสวมเสื้อสีส้มกางเกงยีนส์ขาสั้นโดยทั้งคู่ทำงานโรงงานสายรัดพาเลทใกล้ที่เกิดเหตุ

 

จากการสอบถามนางลัดดา ลักษณาวงศ์ อายุ 40 ปี เพื่อนร่วมงานกับผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายมั้ย ได้หายไปเมื่อวานโดยไม่ได้มาทำงานส่วนนางสาวสุกัญญาเห็นเมื่อเช้า ทั้งคู่ทำงานที่เดียวกัน แต่ไม่ใช่เป็นแฟนกัน ผู้หญิงก็ออกตามหาทำไมไม่มาทำงานในระหว่างนั้นช่วงเช้าผู้หญิงก็ออกตามหาก็เดินไปดูข้างหลังพอเจอนอนอยู่ใต้ต้นกระท่อมแล้วก็วิ่งเข้าไปจับ คงโดนกระแสไฟฟ้าดูด ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ขอความช่วยเหลือพอหลังจากนั้นก็พากันวิ่งเข้าไปดูก็เห็นทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว 

 

ด้านนางสมพิศ แจ้งดี อายุ 61 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ได้เปิดเผยว่า สายไฟที่โยงไปที่ใต้ต้นใบกระท่อมนั้นมาจากบ้านตนเนื่องจากไม่อยากให้ใครมาขโมยใบกระท่อมกิน เพราะต้นใบกระท่อมนี้ชอบมีคนมาเล่นมาขโมยกินประจำก็เลยต้องใช้สายไฟเชื่อมโยงป้องกันขโมย    เบื้องต้น  หัวหน้าพนักงานสอบสวนได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิ ร่วมกตัญญู นำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาล ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต  เพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตอีกครั้งและจะได้ติดตามญาติเพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป