ตำรวจยศ พ.ต.ต.ย่องเงียบมอบกระเช้าและเงิน 5 พันเบื้องต้นให้กับ หนุ่มขับแกร็บฟู้ด ถึง รพ.หลังขับรถเฉี่ยวรถแกร็บ บาดเจ็บถึงขั้นต้องตัดขา แล้วหลบหนีไป ก่อนโลกออนไลน์จะช่วยแชร์ตามหา พี่ชายเผยซ้ำ มีคนเตือนมีเรื่องกับคนมีสีจะเสียเปรียบ ส่วนตัวเชื่อกระบวนการยุติธรรม ยอมรับติดใจนิดหน่อย ที่ชนแล้วหนี ถ้าป้ายทะเบียนไม่หล่นคงเข้ากลีบเมฆ

วันที่ 14 พ.ค.63 กรณีนายกิตติศักดิ์ ศรีวิจี อายุ 20 ปี พนักงานขับรถแกร็บฟุ้ด บุรีรัมย์ ขับรถไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน กจ-8238 บุรีรัมย์ แล้วหลบหนีไป  แต่แผ่นป้ายทะเบียนได้หล่นอยู่ในที่เกิดเหตุ

 
โดยต่อมาหมอได้ตัดขาซ้ายออก เพราะเป็นแผลฉกรรจ์ตัดเส้นเลือดใหญ่ ไม่สามารถรักษาได้ จนกระทั่งโลกออนไลน์ในบุรีรัมย์ ช่วยกันแชร์เพื่อติดตามหาคนขับรถที่หลบหนีมารับผิดชอบ

ล่าสุด(14 พ.ค.)คนขับรถเก๋งคู่กรณี ซึ่งทราบต่อมาเป็นตำรวจยศ พ.ต.ต.ประจำ สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำกระเช้า พร้อมเงินสดมามาอบให้เบื้องต้น 5,000 บาท เพื่อให้กำลังใจ

น.ส.อภิรรณ นามมูลตรี อายุ 18 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตอนนี้อาการของสามีดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังรับสภาพตัวเองไม่ได้ที่ขาซ้ายที่ขาดหายไป ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องใช้ชีวิตแบบปกติไม่ได้ โดยเฉพาะจะต้องมีภาระเลี้ยงดูลูกสาววัย 2 ขวบ และลูกที่ยังอยู่ในท้องอีกหนึ่งคน

 
ขณะนายกรวิชญ์ ศรีวิจี อายุ 25 ปี อยู่เลขที่ 98 หมู่ 1 ต.หนองตาด อ.เมือง พี่ชายของนายกิตติศักดิ์ ศรีวิจี อายุ 20 ปี ผู้บาดเจ็บ ได้ออกมาระบุว่า หลังจากทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจมียศถึงสารวัตร ได้มีเพื่อนหลายคนมาเตือนว่าให้ระวังเกี่ยวกับเรื่องคดี เพราะส่วนใหญ่จะสู้กับคนมีสีไม่ได้

ส่วนตัวก็อยากจะรู้ว่าความยุติธรรมมีจริงหรือไม่ จึงได้แต่ภาวนาและตั้งปฎิภาณไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือคนธรรมดา ก็ใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ่งได้มีเพื่อนอีกหลายคนมาให้กำลังใจ แต่ถ้าถามว่าติดใจอะไรหรือไม่ ยอมรับว่ายังติดใจที่”ชนแล้วหนี”ทั้งที่เป็นเขตชุมชน ถ้าแผ่นป้ายทะเบียนไม่หล่นในที่เกิดเหตุและมีคนมาช่วยแชร์ให้ติดตามหาเจ้าของรถ ก็คงจะหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว

ด้านพล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 เปิดเผยกรณี ที่มีการแชร์กันในโซเชียลมีเดียร์ มีรถเก๋งชนนายกิตติศักดิ์ ศรีวิจี อายุ20ปี หนุ่มขับแกร็ปไบท์ บริเวณถนนสายข้างโรงพยาบาลบุรีรัมย์-บ้านตาดตรวน จ.บุรีรัมย์ จนต้องตัดขาซ้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 โดยในที่เกิดเหตุพบทะเบียนรถยนต์ กจ 8238 บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นทะเบียนรถของคู่กรณีตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ก่อนจะขับรถหนีไป

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเจ้าของรถเป็นนายตำรวจนายหนึ่งจริงตามที่ปรากฏ ซึ่งขณะนี้ทางพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 สั่งให้ผู้บังคับการจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว พร้อมทั้งมีคำสั่งให้นายตำรวจคนดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ โดยย้ำว่าหากพบมีความผิดจริง เช่น ไม่จอดรถลงไปช่วย หรือ ให้การช่วยเหลือคนเจ็บ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา ทั้งนี้จากรายงานข่าว สำหรับนายตำรวจผู้ก่อเหตุนายดังกล่าว มียศเป็นพันตำรวจตรี สังกัดประจำสภ.แห่งหนึ่งในจ.บุรีรัมย์