จากกรณี ที่มีคนพบศพคนถูกฆ่าตาย 2 ศพ บริเวณสวนลำไยหลังบ้าน บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 6 ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพนางสาวกมลทิพย์ สบกระสิบ อายุ 41 ปีหรือ กุ้ง อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 6 ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ สภาพศพเบื้องต้นเสียชีวิตด้วยการถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดบริเวณท้ายทอยถูกพันห่อด้วยพลาสติกใสสีขาว และใกล้กันพบศพนายเจริญ มณี อายุ 50 ปี บ้านอยู่หมู่ที่ 4 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้าที่บริเวณกกหูทะลุหน้าผาก แล้วเอาศพยัดใส่ถุงขยะสีดำ โดยทั้งสองศพถูกนำมาโยนทิ้งรวมกับกองขยะที่บริเวณหลังบ้านในสวนลำไย  ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

 

เมื่อวันที่ 27 พ.ค.63 เวลา 09.00 น. โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.พิเชษฐ จิระนันสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้   พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.อรุณศักดิ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผกก.สภ.แม่แตง พร้อมทีมชุดสืบสวนสอบสวน ได้นำตัวนายวสันต์ อินทรจักร์ หรือไข่ อายุ 43 ปีบ้านอยู่ ต.สันมหาพล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาในคดีฆ่านางสาวกมลทิพย์ และนายเจริญ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณบ้านเลขที่ 40 หมู่ 6 ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยก่อนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพทางญาติพี่น้องได้ทำการนิมนต์พระจำนวน 4 รูปมาทำพิธีสูดถอนวิญญาณ ผู้ตายทั้งสองคน 

 

โดยการทำแผนครั้งนี้มีชาวบ้านญาติพี่น้องของผู้ต้องหากว่า 100 คนมาดูโดยเริ่มจากการที่ผู้ต้องหาขับรถเข้ามาในบ้าน และเรียกนางสาวกมลทิพย์ มานั่งคุยบริเวณเก้าอี้ที่โรงรถ ก่อนจะเกิดการทะเลาะ และผู้ต้องหาก็ชักอาวุธปืน .38 ลูกโม่ ออกมาจ่อยิงที่บริเวณท้ายทอยก่อนลากศพ ไปที่รถฟอร์จูนเนอร์ของผู้ตายโดยห่อด้วยถุงกระสอบสีขาว จากนั้นคนร้ายก็ใช้มือถือของผู้ตายแซท คุยกับนายเจริญ และล่อนายเจริญมาหาที่บ้าน พอนายเจริญ ขับรถยนต์มาจอดที่บ้าน คนร้ายที่ซ่อนอยู่หลังประตู ก็ออกมาใช้ปืนจ่อยิงนายเจริญ จนตายก่อนลากศพออกมาห่อถุงขยะและนำศพทั้งสองลากไปทิ้งในสวนหลังบ้าน และนำสายยางรถน้ำมาฉีดทำความสะอาด เพื่อกลบเกลื่อนร่อยรอย โดยผู้ตายได้กราบขอขมาศพ และขอขมาญาติพี่น้องของผู้ตาย ที่ทำไปเพราะรักมาก และตัดสินใจจะจบชีวิตตายตาม และเสียใจที่ก่อเหตุไป ซึ่งทางญาติก็ไม่ค่อยพอใจ ทางตำรวจเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี จึงยกเลิกการทำแผนต่อ และพาตัวผู้ต้องหากลับทันทีก่อนจะนำไปทำแผนต่อที่จุดที่สองคือบริเวณบ้านพักของนายวสันต์ หรือไข่ ที่ในตำบลแม่หอพระ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องหาเขียนจดหมายลาตายสั่งเสียลูกและจุดที่ทิ้งปลอกกระสุนก่อนจะหนีไปบวชที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน ตำบลเชียงดาว  อำเภอเชียงดาวกระทั่งมาถูกตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และจังหวัดเชียงใหม่บุกจับกุมได้ก่อน  

 

พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ตอนช่วงเย็น ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบรู้ว่าคนร้ายทีก่่อเหตุคดีนี้ได้หลบหนีไปที่ ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้จัดชุดติดตามไปและจับกุมตัวได้ที่วัดแห่งหนึ่ง ขณะที่ต้องหากำลังจะกราบพระ เพื่อขอบวช แต่ไม่ทันได้บวช ก็ถูกจับเสียก่อน โดยหลังการจับกุมก็นำตัวมาสอบสวนสภ.แม่แตง โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกอย่างโดยเริ่มจากเมื่อปีเศษผู้ต้องหาได้คบกับผู้ตาย และคุยกันมาตลอด แต่พักหลังผู้หญิง ก็เหมือนไม่สนใจ พยายามตีตัวออกห่าง เหมือนไปคบกับคนอื่น สร้างความโกรธแค้น จึงได้มาหาผู้หญิงเมื่อราวๆ 22.00 น.วันที่ 24 พ.ค.63 เพื่อเคลียปัญหา แต่คุยกันไม่รู้เรื่องกลับถูกไล่ จึงใช้อาวุธปืนที่พกมาจ่อยิง แล้วก็ใช้มือถือของผู้หญิง แชท คุยกับนายเจริญ ผู้ตายอีกคนโดยแชทคุยตั้งแต่ 23.00 น.ของคืนวันที่ 24 พ.ค. จนถึงเวลา 04.00 น. วันที่ 25 พ.ค.  

 

จนเวลาราวๆ 05.30 น.นายเจริญ ก็ขับรถจากตำบลป่าแป๋ อ.แม่แตง มาหาผู้หญิงที่บ้าน แต่คนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมายิงทิ้งทันที ก่อนจะจัดการห่อศพทั้งสองคนและลากไปอำพรางที่สวนหลังบ้าน จากนั้นคนร้ายก็กลับบ้านเพื่อเขียนจดหมายลาตาย แบ่งทรัพย์สินให้ลูกๆ และหนีไปที่ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว โดยทีแรกหวังฆ่าตัวตาย แต่ก็คิดถึงครอบครัว คิดถึงพ่อที่จากไป เลยตัดสินใจบวช ชดใช้กรรม แต่ก็มาถูกจับกุมก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาผู้ต้องหาจำนวน 5 ข้อหาประกอบด้วย1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือที่สาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ โดยทางตำรวจจะเร่งสรุปสำนวนและเสนอให้อัยการเพื่อดำเนินการกับผู้ต้องหาต่อไป