เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 27 พ.ค.63 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายชลัมพล พงษ์เพ็งอายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 29/10 หมู่ที่ 8 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย น.ส.ดารารัตน์ สุภาพ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 55/7 หมู่ที่ 2 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สองสามีภรรยาได้เดินทางเข้าพบ นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กรณีนายชลัมพลขับขี่รถ จยย.ชนม้า เป็นเหตุให้บุตรสาววัย 6 ปี เสียชีวิต เเต่คดีไม่คืบหน้า หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม 

 

นายชลัมพล ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.62 เวลาประมาณ 21.00 น. ตนขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อด้า รุ่นเวฟ 110 สีดำแดง ทะเบียน 1 กค 9285 สมุทรสาคร เพื่อที่จะไปรับแฟนสาวที่กำลังจะเลิกงาน โดยให้ลูกสาวนั่งหน้ารถ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นถนน 2 เลน รถวิ่งสวนทางไม่มีเกาะกลาง ไฟทางมืดสนิท ทันใดนั้นตนเห็นเงาดำพุ่งมาที่กลางถนนอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ตนจึงชนเข้าอย่างจังโดยที่ไม่ทันได้เบรค ซึ่งตนไม่ทราบว่าชนกับอะไร ขณะเดียวกันตนสังเกตุเห็นลูกสาวมีอาการชักประมาณ 3 ครั้ง จากนั้นตนก็สลบไป มารู้สึกตัวอีกทีตอนอยู่โรงพยาบาลทั้งคู่ ซึ่งอาการของตนตอนนั้นก็ถือว่าหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน นิ้วก้อยขาด ข้อมือขวาหักผิดรูป นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 2 เดือน และตนมาทราบภายหลังว่าตนขับรถชนม้าที่วิ่งตัดหน้ารถ ซึ่งตนใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ ยืนยันว่าไม่เคยเห็นม้าออกมาเดินแบบนี้ 

 

หลังจากเกิดเหตุได้ 5 วัน ลูกสาวทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งทางคู่กรณีได้ช่วยค่าทำศพมาเป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท และไม่ได้มาเหลียวเเลอีกเลย ส่วนในเรื่องของคดีความ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้เเจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ผ่านไป 11 เดือนเเล้ว คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ตนเสียลูกสาวไป 1 คนอีกทั้งเเขนขวายังใช้การได้ไม่เหมือนเดิม ซ้ำร้ายยังถูกตำรวจดำเนินคดีอีก ตอนนี้ตนและภรรยารู้สึกเครียดมาก เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ วันนี้จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือทนายรณรงค์เพื่อให้ช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของตนด้วย    

 

ขณะเดียวกัน น.ส.ดารารัตน์ เเม่ของเด็กที่เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนทราบข่าวแฟนประสบอุบัติเหตุ ตอนนั้นตกใจมาก เป็นห่วงลูกสาวว่าจะได้รับอันตรายหรือเปล่า เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเห็นอาการบาดเจ็บของลูกสาวแล้วรู้สึกสงสารลูกเป็นอย่างมาก โดยระหว่างทำการรักษาอาการลูกไม่ดีขึ้นเลย จนกระทั่งวันที่ 4 ที่ทำการรักษา ลูกได้หยุดหายใจ หมอต้องทำการปั๊มหัวใจถึง 3 ครั้ง แต่ลูกไม่มีการตอบสนองใดๆ ตอนนั้นรับไม่ได้ที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป และตนอยากจะถามกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ว่า ทำไมจึงปล่อยให้ม้ามาเดินวิ่งข้ามถนนเเบบนั้น ทำไมเจ้าของม้าถึงไม่ดูแลม้าให้ดีเท่าที่ควร อีกทั้งในเรื่องของคดีก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุตนก็ต้องทำงานเพียงคนเดียว รับผิดชอบทุกอย่าง ตอนนี้รู้สึกเหนื่อย และท้อมาก วันนี้ตนเเละเเฟนจะเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูกสาวและครอบครัวของตน 

 

ทางด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า กรณีที่ 2 พ่อลูกขับรถจักรยานยนต์ชนม้าเป็นเหตุให้ลูกสาวเสียชีวิตในเวลาต่อมาซึ่งปรากฏว่าคุณพ่อกลับโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ในกรณีนี้ต้องดูว่าทางใครประมาทมาก ประมาทน้อย เนื่องจากมีค่าเสียหายที่จะต้องเยียวยาทางกฎหมาย ซึ่งตัวแม่ของเด็กที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่เค้ามีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา เพราะฉะนั้นทางคู่กรณีและทางฝั่งคุณพ่อต้องเป็นคนจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฏหมาย ซึ่งกรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย โดยเกิดจากทางเจ้าของม้าประมาทเลินเล่อ ไม่เอาม้าไปเลี้ยงไว้ในคอก ทำให้ม้าหลุดออกมาข้างนอกหรือให้ม้ามาหากินหญ้าริมถนนเป็นประจำจนกระทั่งม้ากระโดดมาขวางรถทำให้รถจักรยานยนต์ชนกับม้าช่วงเวลาตอนกลางคืนจนกระทั่งมีเด็กเสียชีวิต มันยังมีประเด็นที่น่าสงสัยอีกหลายอย่างที่จะต้องทำการตรวจสอบ ในส่วนของเรื่องคดีความนี้ มีอายุความ 10 ปี ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งต้องฟ้องภายใน 1 ปี ซึ่งจะหมดประมาณเดือนหน้า ตนขอรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดก่อนและจะขอเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวนี้ต่อไป