วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 11:21 น.

อาชญากรรม

อดีตผญบ.ร้องขอความเป็นธรรม จนท.บุกจับลูกชายทำเกินกว่าเหตุ อ้างรุมกระทืบ-ปืนตบ

วันพฤหัสบดี ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 21.21 น.
จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา นายธนิน  การรักษณี  อายุ 57 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน 2 สมัย อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 7 ตำบลทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร นำหลักฐานเป็นคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.วิทยา สับประสาน พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งตะโก  อ.ทุ่งตะโก  จ.ชุมพร ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ซึ่งอ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่ ปปส. ในข้อหาบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาลโดยไม่มีหมายค้น  ไม่แสดงตนให้เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานใด  กักขังหน่วยเนี่ยว  ทำร้ายร่างกาย  ยักยอกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยการซ้อมรุมกระทืบ ใช้ปืนตบศีรษะก่อนจับใส่กุญแจมือลากยัดท้ายกระบะขับหายไป
 
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 ก.พ.ได้มาพบลูกชายและเพื่อนถูกควบคุมตัวอยู่ภายในที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร พร้อมรถจักรยานยนต์  จึงทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง และอาสารักษาดินแดน (อส.)โดยลูกชายมีบาดแผลบริเวณหัวเข่าทั้งสองข้างและข้อมือซ้ายโดยบาดแผลทั้งหมดถูกปิดด้วยผ้าก๊อต  พร้อมทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมถึงพฤติกรรมในการปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยผ่านสื่อมวลชนไปแล้วนั้น
 
 
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 25 ก.พ.64 นายธนิน การรักษณี อดีตผู้ใหญ่บ้านและนางประเทือง การรักษณี อายุ 48 ปี ภรรยา ได้นำลูกชายคือนายเอกวัฒน์ หรืออาร์ม การรักษณี อายุ 23 ปี ในสภาพที่มีบาดแผลตามร่างกาย  ข้อเท้าซ้ายคล้องกำไลอีเอ็ม  พร้อมเอกสารหลักฐานเดินทางไปยังสำนักงานศูนย์ดำรงธรรม ชั้น 1 ตั้งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดชุมพร ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชายและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และความเป็นธรรมต่อสังคม
 
นายเอกวัฒน์ กล่าวอ้างว่า ในคืนเกิดเหตุมีกลุ่มชายฉกรรจ์รถรถยนต์กระบะและเก๋งเข้ามาที่คาร์แคร์ขณะที่ตนเองและเพื่อนยืนอยู่โดยไม่ได้แสดงบัตร มาทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอส.ประมาณ 7-8 คนกรูเข้ามาจับตัวกดไว้กับพื้นและลากตัวไปรุมซ้อมกระทืบ เตะและเอาปืนตบหัว หลังตู้น้ำมันหยอดเหรียญพร้อมกับพูดว่าจะยัดยาให้ 2 ถุง ด้วยความกลัวจึงวิ่งหนีไปที่ร้านค้าใกล้เคียงเพื่อร้องให้คนช่วย ทำให้จนท.ทั้งหมดวิ่งไล่ตามทันและลากตัวออกมาจากร้านค้าใส่กุญแจมือจับตัวโยนใส่หลังรถกระบะ ตนเองบอกว่าขอรอพ่อก่อนแต่จนท.ไม่ยอม
         
นายเอกวัฒน์ กล่าวอีกว่า เมื่อรถขับมาถึงบริเวณสี่แยกเขาปีบ จนท.ได้ใช้ถุงดำคลุมศีรษะปิดหน้าปิดตา จึงไม่รู้ว่าจะพาไปไหนมารู้อีกทีเมื่ออยู่ที่ห้องที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพรโดยไม่ให้ติดต่อญาติ  หลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่รายหนึ่งเอาที่ช็อตไฟฟ้ามาขู่แต่ไม่ได้ความรุนแรงให้บอกว่าของ(ยาเสพติด)อยู่ไหน ตามจริงแล้วตนไม่มียาเสพติดและเค้นให้ตนเองซื้อขายยาเสพติด  โดยตามที่มีข้อความแชทในเฟสบุ๊กพูดคุยกับเพื่อนทำนองพูดหยอกล้อเล่น ว่ามียาเสพติดแต่แท้จริงแล้วตนไม่มี ตนยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริงแต่ไม่เกี่ยวข้องเรื่องการจำหน่ายแต่อย่างใด
 
     
หลังจากนั้นนายธนิน ฯผู้เป็นพ่อของนายเอกวัฒน์  กล่าวว่า หลังจากลูกชายถูกจับตัวหายไปตนเองก็เกิดความกระวนกระวานใจ จึงได้ออกติดตามเสาะหาไปยังสถานีตำรวจทุกแห่งแต่ไม่พบ ต่อมาในในช่วงเย็นของวันถัดไป(วันที่ 21 ก.พ.)ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากลูกชายว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร  จึงรุดไปพบปรากฏว่าเจอกับเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นปลัดป้องกันอำเภอเมืองชุมพรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนจึงถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเพราะไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จนเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น
         
ทั้งนี้นายธนินฯ กล่าวต่ออีกว่า ตนเดินทางมาที่สำนักงานศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชายหลังถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน(อส.)เมืองชุมพร ได้กระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนสองคนที่สื่อสารทาง messenger เป็นการพูดคุยล้อเล่นกันมีของหรือไม่มียาหรือไม่ แต่ลูกชายบอกว่ามีถ้ามาจะหาให้ แต่จริงๆแล้ว นัดเจอกันเพื่อชวนเที่ยวทำนองนั้นตามประสาคนรู้จัก  ตนเองไม่ติดใจเรื่องลูกชายมีผลการตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงแต่อย่างใด แต่คาใจเรื่องขั้นตอนในการปฏิบัติหน้าที่พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐจับกุม หรือควบคุมตัวอย่างมิชอบ ไม่ถูกต้องไม่น่าจะเป็นแนวทางที่ควรปฏิบัติโดยทั่วไป จึงหวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นในสังคม
 
       
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวอ้าง หรือผู้บังคับบัญชาชุดจับกุมยังไม่ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว เรื่องแนวทางการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือทำร้ายใช้ความรุนแรงกับผู้ถูกควบคุมตัวหรือไม่อย่างไร  ทางด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เผยว่า หลังจากนี้พร้อมยื่นเรื่องไปยังนายธีระ  อนันตเสรีวิทยา  ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต่อไป     
         
สำหรับนายเอกวัฒน์ ฯ พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้วปรากฏว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดฐาน เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยฝ่าฝืนกฎหมายในชั้นพนักงานสอบสวนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ไม่อยู่ระหว่างถูกคดีฐานอื่น จึงขอเพื่อให้ศาลสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด  ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟู สมรรถภาพผู้ติดยา พ.ศ. 2546 มาตรา 19 ฯ ต่อไป

หน้าแรก » อาชญากรรม