เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ของวันที่ 21 เมษายน 2565 พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชุมพร ฉัตร์สงวนชัย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ร่วมกันควบคุมตัวนางสาวธมนวรรณ ระเบียบ อายุ 20 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน 34/1 หมู่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.93/2565 ลงวันที่ 19 เมษายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ วิ่งราวทรัพย์ ” เป็นสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 1 บาท  เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ของวันที่ 15 เมษายน 2565 ที่ห้างทองดาวทอง เลขที่ 884 ถนนราษฎร์บรรจบ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่า ก่อเหตุจริง ส่วนสาเหตุเพราะต้องการหาเงินมาใช้หนี้ที่มีอยู่หลายรายการ 

 

 

พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในหลายๆ พื้นที่ โดยจะอาศัยตะเวนดูลาดเลาก่อนลงมือ หากพบเห็นร้านไหนที่สะดวกต่อการก่อเหตุก็จะลงมือทันที ซึ่งภายหลังจากที่ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ก็ได้หนีไปกบดานอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รวบรวมพยานหลักฐานเป็นที่ชัดเจนแล้ว จึงได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับและสนธิความร่วมมือกับ สน.ท้องที่กรุงเทพฯ  เพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องหาที่หอพักแห่งหนึ่งในเขตสายไหม พร้อมของกลางเป็นชุดที่ใส่ในการก่อเหตุ  ขณะที่พฤติการณ์นั้นหลังจากที่ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุแล้วก็เข้าไปในพื้นที่ชุมชนเพื่อให้สะดวกต่อการหลบหนี และยากต่อการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะขึ้นรถไฟกลับเข้าไปหลบซ่อนตัวในพื้นที่กรุงเทพฯ  

 

 

พ.ต.อ.ธนกรฯ บอกทิ้งท้ายด้วยว่า จากเหตุการณ์วิ่งราวทรัพย์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้น  ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้เร่งปรับปรุงแอพลิเคชั่นและระบบการติดต่อสื่อสารจากเจ้าของร้านทองหรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ  เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในการรับแจ้งเหตุ รวมถึงการตรวจสอบเหตุและติดตามตัวคนร้าย หากการแจ้งเหตุเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้การติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น  

 

 

โดยทางด้านนายทินกร เฉลิมวิเศษพล เจ้าของร้านดาวทอง ก็บอกถึงความรู้สึกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้ว่า ตนเองต้องขอขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญของทางร้านทอง ที่จะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากกล้องวงจรปิด โดยในส่วนตัวแล้วคิดว่า คนร้ายน่าจะเตรียมตัวมาก่อเหตุเพราะหลังจากที่ได้สร้อยข้อมือทองคำไปแล้วนั้น ก็วิ่งหนีไปขึ้นรถไฟที่กำลังจะออกจากสถานีพอดี ทั้งนี้ก็ขอฝากเตือนภัยไปถึงผู้ประกอบการร้านทองรายอื่นๆ ด้วยว่า ให้มีมาตรการในการเฝ้าระวังให้มากยิ่งขึ้น เพราะทุกวันนี้คนเราไว้ใจยาก แม้จะแต่งตัวดี หน้าตาไว้วางใจได้ แต่เราไม่รู้ว่าจิตใจเขาคิดอะไรกันแน่ ส่วนที่ผู้ต้องหารายนี้ลงมือก่อเหตุเพราะอะไรนั้น ตนเองก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาคิดสั้นแบบนั้น