วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 05:54 น.

อาชญากรรม

รวบโจรสองผัวเมีย ขี่จยย.พ่วงข้างขโมยพระพุทธรูปตามวัด อ้างหาเงินเลี้ยงลูกสองคน

วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 10.38 น.
เมื่อวันที่ 21 พ.ค.65 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.ภูริพรรษณ์ โลหะกิจตระกูล รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ต.เสน่ห์ ทองสวัสดิ์ สว.สส.ฯ และชุดสืบสวนฯ นำตัวนายสาทิตย์ สุขยงค์ อายุ 37 ปี ชาวนครปฐม และ น.ส.ดวงดาว ไพรวัลย์ อายุ 30 ปี ชาวตำบลศรีมงคล มาชี้จุดที่ก่อเหตุขโมยพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร ที่ตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถหลังเก่าของวัดท่ากระทุ่ม ม.1 ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พร้อมรถ จยย.พ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ125R สีส้ม-บรอนด์ เลขทะเบียน กยฉ 530 กาญจนบุรี กล่องพลาสติกใส่หลักฐานเสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ เศษชิ้นส่วนพระที่ถูกหลอมปูนพลาสเตอร์ ท่ามกลางพระสงฆ์และลูกศิษย์วัดท่ากระทุ่ม ที่ทราบว่าจะนำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนและก็ได้ตะโกนด่าและสาปแช่งที่มาขโมยพระพุทธรูปที่ชาวบ้านกราบไหว้ขอพรมานาน
 
จากนั้น จนท.ชุดสืบสวนฯ ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนต่อที่ห้องสืบสวน สภ.ท่ามะกา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การวกวนและตรวจสอบประวัติพบว่านายสาทิตย์ เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำกลางนครปฐม ได้ไม่นานในคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร และ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ พรบ.จราจรทางบก ส่วน น.ส.ดวงเดือน จากการสืบค้นข้อมูลในระบบราชการไม่พบฐานข้อมูลโดย น.ส.ดวงเดือน อ้างว่าตอนเกิดพ่อแม่ไม่ได้แจ้งอำเภอทำให้ไม่มีข้อมูลส่วนชื่อก็ตั้งมาตั้งแต่เกิดแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจฉี่หาสารเสพติดและตรวจ ATK แต่สภาพคล้ายอาการหักยาเสพติด
 
 
พระครูสมุห์สมนึก สุขิโต อายุ 61ปี เจ้าอาวาสวัดท่ากระทุ่ม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 16 พ.ค.65 มีคนร้ายมาขี่รถพ่วงข้างมาจอดที่หน้าพระอุโบสถหลังเก่า ต่อมาเวลา 03.00 น.วันที่ 17 พ.ค.65 คนร้าย 2 คนช่วยกันยกพระพุทธรูปพระปางสะดุ้งมาร เนื้อทองเหลือง หน้าตัก 30 นิ้ว ที่ตั้งอยู่ไปขึ้นรถพ่วงข้างแล้วหลบหนีไป จึงได้แจ้ง สภ.ท่ามะกา ให้มาตรวจสอบยังพบว่ายอดเกตุมาลาเศียรพระพุทธรูปอีกสององค์ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ห่างจากพระอุโบสถประมาณ15 เมตรไปด้วย สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้อายุเกือบ 50 ปี โดยญาติโยมนำมาถวายไว้จึงนำมาตั้งที่หน้าพระอุโบสถหลังเก่าที่มีความศักดิ์สิทธิ์เคารพศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก และที่มาตั้งไว้ก็เพื่อให้ชาวบ้านได้มาขอพรและคนที่มาพักผ่อนออกกำลังกายได้กราบไหว้อีกด้วย หลังจากที่ทราบว่าโดนขโมยไปชาวบ้านต่างเสียใจและโกรธแค้น โชคดีที่วัดได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทำให้เห็นตัวคนร้ายชัดเจนและเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
 
การติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ ชุดสืบสวน สภ.ท่ามะกา ลงพื้นที่อำเภอท่ามะกาไล่ดูกล้องวงจรปิดและเช็คเส้นทางหลบหนีมีเบาะแสจากชาวบ้าน สามารถทราบที่พักโดยนำกำลังไปซุ่มรอที่บริเวณบ้านหลังหนึ่งในไร่มันสำปะหลังพื้นที่ ม.6 บ้านหนองปลาซิว ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงแสดงตัวเข้าจับกุมเมื่อช่วงสายๆ ของวันนี้ (21 พ.ค.65) ได้ของกลางทั้งรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เสื้อผ้าที่ใส่ในคืนก่อเหตุและของกลางบางส่วน  เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในสถานที่บูชาสาธารณะหรือรับของโจร และถ้าผลตรวจฉี่พบว่ามีสารเสพติดก็แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างสอบสวน ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง
 
 
ส่วนนางแมะ อายุ 50 ปี แม่ครัวประจำวัดกล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่มาทำอย่างนี้อยากถามว่าจิตใจทำด้วยอะไร แค้นเสียดายพระพุทธรูปที่ถูกทำลายและขายไป อยากได้คืนแต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว อยากให้คนร้ายมากราบขอขมา น.ส.ดวงเดือน ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่าที่ทำไปเพราะต้องการเงินไปเลี้ยงลูกสาวสองคน และเอาเงินไปต่อเติมบ้านเลยช่วยกันขโมยพระพุทธรูป แจกัน เชิงเทียน ทุกอย่างที่เป็นทองเหลืองจะนำมาทุบให้แตกหักเป็นชิ้นๆ แล้วเอาใส่ถุงปุ๋ยไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่าขายได้ 5,000 บาทก็นำไปให้ลูกไว้เรียนหนังสือและนำไปเสพยาเสพติดจนหมดฝากขอโทษวัดท่ากระทุ่มและชาวบ้านที่เคารพศรัทธาด้วย
 
ต่อมาเวลา 15.00 น.วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดพิไชยธารา (ชุกพี้) ม.1 ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถูกคนร้ายขโมยพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน)พระประจำวันอังคาร เนื้อทองเหลืองแต่ทาสีเหลืองทับไว้ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว หายไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พ.ค.65 พระครูวิชัยกาญจนคุณ เจ้าอาวาสวัดฯ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง ได้มาตรวจสอบและออกติดตามคนร้ายแล้ว
 
 
พระวิศาล ภูริสีโล อายุ 35 ปี (มีลายสักที่ตัว) พระลูกวัดพิไชยธารา(ชุกพี้) เปิดเผยว่า ที่เกิดเหตุเป็นอาคารปฏิบัติธรรมที่ตั้งอยู่ริมถนน มีการตั้งพระพุทธรูปประจำวันเกิดไว้ให้ชาวบ้านมาทำบุญกราบไหว้ขอพร และไม่มีกล้องวงจรปิด โดยที่ทราบคือมีเด็กระแวกวัดจะมาไหว้พระประจำวันเกิดคือวันอังคารและเห็นว่าไม่มีพระให้ไหว้จึงมาบอกพระให้มาดูก็พบว่าหายไปแล้ว และไม่ทราบว่าหายไปเมื่อไหร่ เบื้องต้นสอบถามชาวบ้านหน้าวัดก็ได้ข้อมูลว่ามีรถ จยย.พ่วงข้างมากันสองคนผัวเมียมีอายุขี่เข้ามาที่บริเวณศาลาปฏิบัติธรรมในช่วงเย็นๆ ก็จำวันที่ไม่ได้สำหรับพระที่หายไปคงไม่ได้คืนอยากฝากถึงคนร้ายที่ก่อบาปก่อกรรมคงจะอยู่ไม่สุขถ้ามีจิตสำนึกก็ให้นำมาคืน ส่วนวัดได้ซื้อกล้องวงจรปิดแล้วรอการติดตั้ง ส่วนพระที่หายไปก็ได้นำพระองค์เล็กที่เป็นแบบไฟเบอร์มาตั้งแทนแล้ว
 
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้นำภาพผู้ต้องหาสองคนผัวเมียและรถพ่วงข้างให้พระดูและชาวบ้านหน้าวัดดูก็บอกว่าไม่ใช่เพราะรถคันนั้นสีดำ และสองคนผัวเมียมีอายุมากแล้ว ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป   
 

หน้าแรก » อาชญากรรม