อาชญากรรม
ตร.นำสาวชี้จุดทิ้งศพ “อ้อยราชภัฏ” ที่ขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรี
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

รอง ผบช ภ.7 รุดสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า “อ้อย ราชภัฏ” ยังไม่รับว่าเป็นคนฆ่า โบ้ยให้อีกคนเป็นคนฆ่า
ผู้การกาญจน์นำสาวชี้จุดทิ้งศพ “อ้อยราชภัฏ” กลางป่าลึกขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรี รอง ผบช ภ.7 รุดสอบปากคำ 2ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า “อ้อย ราชภัฏ” ยังไม่รับว่าเป็นคนฆ่า โบ้ยให้อีกคนเป็นคนฆ่า จากกรณี นางดารัณ แพลอย หรือ อ้อย อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (มรภ.กจ.) ได้หายออกจากบ้านพักปริศนา ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นหายตัวไป ญาติไม่สามารถต่อได้อีก
ล่าสุดเมื่อ เมื่อ 12.30 น. วันที่ 6 ก.ค.66 พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อม พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ตร.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุรยุทธ์ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.ปิโยรส กัณหะสิริ ผกก.สภ.ด่านแม่แฉลบ พ.ต.ท.วศิน พรายศิริ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์จังหวัดกาญจนบุรี ภาค 7 และชุดสืบสวนภ.จว.กาญจนบุรี ได้คุมตัว นางสาววิลาวัณย์ (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปชำนาญการ สำนักวิทยุบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ร่วมก่อเหตุที่ร่วมฆ่านางอ้อย เดินทางมาสมทบกับนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเจตรักษาพันธุ์สัตวป่าสลักพระ นายคณิน ทองก้อน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง แพทย์เวร รพ.ท่ากระดาน มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดขุนศรี จุดไผ่ล้อม และ ชุดเฉพาะกิจส่วนกลาง รออยู่ที่เกิดเหตุ
โดย พล.ต.ไพโรจน์ได้ให้นางสาวนำชี้จุดในที่เกิดเหตุ ทันทีที่นางสาวลงจากรถของตำรวจชุดสืบสวน เพื่อไปชี้จุดทิ้งศพ เธอได้ก้มหน้าและสวมใส่เสื้อคลุมสีดำปิดบังใบหน้าตลอดเวลา จากนั้นพล.ต.ไพโรจน์ได้สอบถามนางสาว ว่า ใครเป็นคนลากศพลงไปทิ้ง นางสาว บอกว่า นายกอล์ฟเป็นคนลาก ส่วนตนเองไม่ได้ช่วยแต่อยู่ในจุดที่เกิดเหตุด้วยเท่านั้น จากนั้นตำรวจได้ให้นางสาวชี้รองเท้าของนางดารัณที่น่าจะหลุดจากเท้าขณะลากศพ บริเวณขอบถนน
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนางสาวถึงปมเหตุที่ลงมือก่อเหตุโดยเธอได้แต่ก้มหน้าและปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถามใดๆกับนักข่าว ก่อนจะเดินขึ้นรถออกไปทันที โดยสภาพที่เกิดเหตุ เป็นถนน สาย 3199 ช่วง กม.ที่ 90 บ้านท่าสนุ่น-ศรีสวัสดิ์ หมู่ 4 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี สภาพถนนตัดเลียบไหล่เขาสูงชัน โดยด้านนะวันออกเป็นผนังภูเขา ส่วนด้านตะวันตกเป็นหน้าผาติดกับขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ผิวถนนห่างจากผิวน้ำขอบอ่างประมาณ 20 เมตร ห่างจากไหล่ถนนลงสู่อ่างเก็บน้ำ 10 เมตร พบศพ นางดารัณ แพลอย หรืออ้อย อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (มรภ.กจ.) สวมใส่เสื้อสีชมพู สวมกระโปร่งสีดำ ศพไม่สวมรองเท้า นอนเสียชีวิตขึ้นอืดเครื่องแต่งกายศพเป็นชุดเสื้อผ้าตรงกับภาพในกล้องวงจรปิดใน ม.ราบภัฏกาญจนบุรีก่อนหายตัวไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.66
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ต้องใช้เขือกโรยตัวไปตรวจที่เกอดเหตุ โดยเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ 5 ชิ้น มีรองเท้าข้างขวา กับรองเท้าข้างซ้าย เสื้อ กระโปรง และลายนิ้วมือที่รั้วกั้นการ์ดเลนกันตก ส่วนแพทย์จาก รพ.ท่ากระดาน ระบุว่า ศพเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 5 วัน แต่ไม่สามารถตรวจที่มาของบาดแผล สภาพศพ เปื่อยเน่าอืด บริเวณศรีษะเปิดเห็นกระโหลกมีร่องรอยสัตว์ป่ากัดแทะศพมือซ้ายไม่มีนิ้วมือ มือขวานิ้วครบ ขาซ้ายงอเข้าหาตัว มีแผลเปิดต้นขาซ้ายถึงหัวเข่า ต้องส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตการตรวจสอบที่เกิดเหตุใช้เวลา นานกว่า 1 ชม.จึงสามารถนำศพขึ้นมาได้
ต่อมา ตำรวจได้เชิญบุตรชายกับลูกสะใภ้มาดูศพแบะเครื่องแต่งกาย ทั้งคู่ร้องไห้ตลอดเวลา และ ได้ยืนยันศพเป็นนางอ้อย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ไพโรจน์ และตำรวจสืบสวนภาค 7 สืบจังหวัด และ สืบเมืองกาญจน์ ได้พยายาม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ได้เค้นสอบปากคำ นายกอล์ฟและนางสาว 2 ผู้ต้องสงสัยตลอดทั้งคืน จนล่าสุดทั้งคู่ได้ยอมรับสารภาพกับตำรวจแล้วว่า เป็นผู้ลงมือร่วมกันฆ่านางดารัณ หรือ ป้าอ้อยจริง โดยนายกอล์ฟ ชายคนสนิทของนางสาวเป็นผู้ลงมือใช้เชือกฆ่ารัดคอ ขณะอยู่บนรถเก๋ง และเป็นผู้ลากศพทิ้งหน้าผา ส่วนนางสาวสาวได้อ้างว่า อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ลงมือฆ่า อ้างว่า ระหว่างทางที่นางสาวสาวนัดกับนางดารัณเพื่อมานัดเจอกันบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ลาดหญ้า
นางสาวและนายกอล์ฟชายคนสนิท ได้ลวงดารัณให้ขึ้นรถเก๋งเพื่อสลับรถก่อนจะพานางดารัณออกจากปั๊มน้ำมันไป โดยอ้างว่า จะพาไปพบกับนายทุนคนหนึ่ง ที่สามารถปลดหนี้สินที่นางดารัณ ไปกู้รถยนต์มา 3 คันให้ แต่ระหว่างทาง ได้เกิดมีปากเสียง และตกลงกันไม่ลงตัวทำให้นายกอล์ฟที่นั่งรถไปด้วย ได้ลงมือใช้เชือกรัดคอนาวดารัณภายในรถจนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปทิ้งริมหน้าผาท้ายอ่างเก็บน้ำท้ายเขื่อนศรีนครินทร์ ในพื้นที่ ม.4 บ้านท่าสนุ่น ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรีประมาณ 90 กิโลเมตร
จากนั้นทางตำรวจได้ประสานไปยังหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองคนให้ข้อมูลว่าได้ทิ้งศพบริเวณนั้น กระทั่งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ออกตระเวนตรวจสอบในพื้นที่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 9 โมงเช้า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้แจ้งว่า พบศพของนางดาวัณผู้สูญหายแล้ว โดยพบเป็นศพถูกทิ้งอยู่บริเวณริมหน้าผาบริเวณท้ายเขื่อนอ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ ในพื้นที่ ม.4 บ้านท่าสนุ่น ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี จุดที่ทั้งสองรับสารภาพจริง สภาพศพนอนหงายติดอยู่บริเวณต้นไม้ยังไม่ร่วงลงอ่างเก็บ
กระทั่งเวลา 12.10 น. พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้เดินทางไปดูจุดที่พบศพ พร้อมกับให้ชุดสืบสวนพาตัวนางสาวสาว หรือ นางสาววิลาวัณย์ แสงประดับเพชร อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพัสดุมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี ผู้ต้องหานำตัวมาชี้จุดที่ทิ้งศพ จนเสร็จสิ้น และนำตังกลับไปสอบปากคำต่อที่ สภ.เมืองกาญจนบุรีความคืบหน้า คดีฆ่า “อ้อย ราชภัฏกาญจนบุรี” ล่าสุด เวลา 15.30 น. วันที่ 6 ก.ค.66 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 เดินทางมาร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ. อภิชาติ ศรีทองกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุรยุทธ์ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.สมหวัง พานแก้ว รอง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และ พ.ต.ต. กฤษณะ สระบัว สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยมีการนำตัว นายนิติ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลตังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ.433/2566 ลงวันที่ 6 ก.ค.66 และ น.ส.วิลาวัณย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ. 423/2566 โดยทั้งสองผู้ต้องหาตามหมายจับว่าร่วมกันกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันลอบฝัง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกด้วย
โดยสอบสวนใช้เวลา นานกว่า 2 ชม.จึงเสร็จสิ้น พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์จึงเดินทางกลับ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยบอกแค่พรุ่งนี้ทาง พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 จะแถลงข่าวต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนจะต้องทำการสอบสวนปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นทั้งคู่รับสารภาพ แต่ยังมีประเด็นที่ซัดทอดขัดแย้งกัน คือ ทั้งสองคนต่างให้การว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่า โดยให้การว่าอีกคนเป็นคนลงมือฆ่า ดังนั้นทางพนักงานสอบสวนจะต้องเร่งสอบปากทั้งคู่อีกครั้ง เพื่อรวบรวมคำให้การและเร่งดำเนินการให้ทันกำหนดเวลาในการตงบคุมตัว 48 ชม.ให้ทันก่อนส่งฝากขังในวันพรุ่งนี้
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » อาชญากรรม
ข่าวในหมวดอาชญากรรม ![]()
แม่สุดทน! แจ้งตำรวจจับลูกคลั่งยา หลอนเอามีดจ่อคอหลาน 10 ขวบ-น้าชาย วอนส่งเข้าคุก 20:04 น.
- รวบมิจฉาชีพ เปิดเพจ Facebook หลอกจองล็อคขายของรอบคูเมืองเชียงใหม่ช่วงสงกรานต์ เหยื่ออื้อสูญเงินนับแสน 19:20 น.
- เพื่อนรักสุดโหด! ขับเก๋งไล่ชนหนุ่มแบงค์ก่อนรัวกระสุนกว่า 10 นัดดับคาที่ 10:21 น.
- โจรฉายเดี่ยวบุกลักจยย.ถึงหน้าบ้านกลางวันแสกๆ ซวยรถพังกลางทาง ใจเย็นกินข้าวเหนียวปิ้งไก่รอซ่อม 09:20 น.
- เดือดกลางรถแห่งานบวช โจ๋หัวร้อนยกพวกตะลุมบอน หนุ่มวัย 20 ถูกยิงกระสุนฝังในสาหัส 09:12 น.