วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568 10:23 น.

อาชญากรรม

เจอแล้วรถของกลางหายจากโรงพัก ที่แท้ตำรวจเสมียนคดีขายให้อู่แยกสิ้นส่วนที่ระยอง

วันอังคาร ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 18.59 น.

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.66 พันตำรวจเอก เอกอนันต์ หูแก้ว ได้ร่วมพูดคุยรายละเอียดกับสื่อมวลชนที่ติดตามข่าวในคดี รถของกลาง ยี่ห้อเชฟโรเลต จำนวน  2 คัน ได้หายไปจากจุดเก็บรถของกลาง บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว หลังจากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในเจ้าของรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลตที่หายไป เดินทางมาดูซากรถที่จอดเอาไว้บริเวณด้านหลังโรงพักเมืองสระแก้ว แต่กลับไม่พบซากรถ ก่อนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว

โดยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากพบว่า รถของกลางได้หายไป ทีมสืบสวนได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และพบข้อมูลจากพยานแวดล้อมใกล้จุดเกิดเหตุ พบว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 3 ต.ค.66 มีรถกระบะคันหนึ่ง วิ่งเข้าไปยกรถของกลางยี่ห้อเชฟโรเลต สีน้ำเงินเข้ม ออกไปทางด้านหลังโรงพัก โดยพบว่า มุ่งหน้าไปตามถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 ตำรวจทีมสืบสวนพบว่า รถคันดังกล่าว คือรถกระบะ ยี่ห้อมาสดา ทะเบียน 2246 จันทบุรี มุ่งหน้าไปทางจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ผ่านด่านตรวจกรอกสมบูรณ์  ก่อนจะตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนรถ พบว่า เป็นรถของนายนพดล อายุ 56 ปี อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งตำรวจได้ติดตามไปจับกุมตัวนายนพดลฯ ได้ในบ้านพักที่มีการดัดแปลงเป็นอู่แยกสิ้นส่วนรถ

นายนพดลฯ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งยอมรับว่า สิบตำรวจเอกวีรยุทธ เป็นคนติดต่อให้มาลากซากรถไป และยังได้แสดงสลิปการซื้อขาย ซากรถกระบะเชฟโรเลต ในราคา 30,000 บาท กับ สิบตำรวจเอกวีรยุทธ เสมียนคดีที่รับผิดชอบดูแลของกลางภายในโรงพักเมืองสระแก้ว ซึ่งขณะนี้ ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะกระทำผิด รับของโจร

ส่วนการติดตามรถกระบะเชฟโรเลตอีกคันหนึ่งที่หายไป ทางตำรวจชุดติดตามคดีนี้ ค่อนข้างจะมั่นใจว่า ผู้ต้องหาต้องเป็นคนเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานเชื้อมโยงไปถึง ขณะนี้ ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนฐานความผิดของตำรวจนายนี้ ให้ออกจากราชการทันที และถูกควบคุมตัวพร้อมกับนายนพดลฯ ส่งฝากขังศาลจังหวัดสระแก้วไปแล้วเมื่อช่วงสายวันนี้ ขณะเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ยังได้ให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหน้าที่และความบกพร่องในครั้งนี้ หากพบว่า เป็นความบกพร่องของนายตำรวจระดับใด จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด