วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 03:47 น.

อาชญากรรม

ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงค้นบ้านจับผู้ต้อง 4 ราย ช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง”-ยึดอาวุธปืนเอชเค

วันพฤหัสบดี ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 19.41 น.

วันที่ 30 พย.66 ขณะที่บรรยากาศบริเวณโรงพัก สภ.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภาค 9 ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดพัทลุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง หาข้อมูลเพิ่มเติมหลังจาก “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ได้โพสต์คลิปที่ 3 ผ่านทางยูทูบ เพื่อหาเหล่งที่มาและจุดที่มีการใช้สันญาณอินเตอร์เนต

 

 
สอดคล้องกับช่วงเช้าวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามได้เข้าค้นบ้านบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะเชื่อมโยง และเข้าข่ายช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” หลบหนีภายหลังที่เกิดเหตุปะทะในวันที่ 9 และ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยการเข้าตรวจบ้านบุคคลต้อฃสงสัยนั้นมีการเข้าตรวจค้นใน 2 พื้นที่บริเวณ อ.ป่าบอน และ อ.ตะโหมด จำนวน 4 หลัง ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการนำตัวในส่วนของบุคคลที่เชื่อมโยงกับข้อมูลและหลักฐานนำตัวมาสอบปากคำที่บริเวณสภ. ตะโหมด พร้อมกับนำของกลางในส่วนของ “อาวุธปืนเอชเค” กระบอกที่ “เสี่ยแป้ง” ใช้ยิงปะทะเจ้าหน้าที่บนเทือกเขาได้ 1 กระบอก ในส่วนของบุคคลต้องสงสัยที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำมาสอบปากคำนั้น ตั้งอต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำทั้ง 4 คน โดยข้อมูลเบื้องต้นนั้นพบว่าทั้ง 4 คน ยังไม่ให้การอะไรที่เป็นประโยชน์ และท่าทีของทั้งหมด ไม่ได้มีท่าทีเคร่งเครียดใดๆ สีหน้าเป็นปกติ ทั้งนี้ระหว่างที่ 2 ผู้ต้องหาที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ตอบคำถามนักข่าวสั้นๆหลังถามอยากชี้แจงอะไรมั้ย โดยบอกเพียงว่า “ไม่รู้จักไม่รู้จัก” พอถามว่า ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีหรือไม่ ก็ไม่ตอบคำถามแล้วเดินเข้าห้องสอบปากคำทันที

 
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าบุคคลที่ตำรวจจับกุมมาในครั้งนี้พบพยานหลักฐานที่ให้การช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ในวันที่ 9 และ วันที่ 10 พ.ย. จริง ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐานได้นำอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ไปทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว
 


ต่อมาเวลา 14.20 น.ทางด้าน “พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์” ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี“ ผบช.ภ.9 และคณะทำงานได้เดินทางมายังสภ.ตะโหมด เพื่อเข้าร่วมประชุมและสอบปากคำเพิ่มเติมกับบุคคลที่คุมตัวมาทั้ง 4 ราย โดยเหตุการณ์นั้นทางตำรวจสอบสวนกลาง ทำการสืบสวนขยายผลภายหลังเหตุการณ์ปะทะ พบมีกลุ่มบุคคลในพื้นที่ จ.พัทลุง คอยให้การช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” พาหลบหนีลงจากเทือกเขาบรรทัด โดยกลุ่มบุคคลทั้ง 5 ราย มีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ ทางเจ้าฟน้าที่ตำรวจเลยนำกำลังเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายจำนวน4 จุดในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง และ 1 จุดในพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อตรวจค้นและเชิญตัวบุคคลที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” หลบหนี

 

 

โดยหนึ่งในนั้ได้มีการเข้าค้นบ้านพักของ “นายสุเชษฐ์” ซึ่งเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ได้ช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” หลบหนี และสามารถตรวจยึดอาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56×45 มม. ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 1 กระบอก, ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราพร้อมใช้ อีกจำนวน 5 ซอง และกระสุนปืนขนาด 5.56x45 มม. จำนวน 142 นัด ถูกซุกซ่อนฝังดินไว้บริเวณชายป่าในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง
 
 
โดยทาง “พล.ต.ท.อิทธิพล” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ความคืบหน้าของคดีภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานและมีการสืบสวนจนขยายผลทราบว่ามีบุคคลที่เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสตูล โดยบุคคลทั้งหมดที่ฐานใช้ที่มีข้อมูลจากการสืบสวนทั้งสิ้น 5 ราย โดยเป็นบุคคลในพื้นที่จังหวัดพัทลุงอำเภอป่าบอนและอำเภอตะโหมด และยังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสตูล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลและเข้าตรวจค้นทั้งพื้นที่เป้าหมาย 5 จุด ก่อนที่จะคุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย โดยที่อีกหนึ่งรายยังอยู่ในช่วงของการตามตัวเนื่องจากผู้ต้องหารายดังกล่าวมีการหลบหนี
 

 
อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นบ้านพักของ “นายสุเชษฐ์” ซึ่งเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ได้ช่วยเหลือและสามารถตรวจยึดอาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56×45 มม. ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 1 กระบอก, ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราพร้อมใช้ อีกจำนวน 5 ซอง และกระสุนปืนขนาด 5.56x45 มม. จำนวน 142 นัด ถูกซุกซ่อนฝังดินไว้บริเวณชายป่าในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ก่อนที่จะมีการเชิญตัว “นายสุเชษฐ์” พร้อมบุคคลที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง 4 ราย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 

ประกอบไปด้วย 1. นายอัซฮัร หมัดสาลี อายุ 30 ปี / 2.นายทนงศักดิ์ เพชรตีบ อายุ 50 ปี / 3.นายสืบศักดิ์ แสงจันทร์ อายุ 38 ปี / 4. นายสุรเชษฐ์ จันเขียว อายุ 39 ปี โดยทั้ง 4 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อหาร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำผิด หรือเป็นผู้ต้องหาการกระทำความผิดอันมิใช่ความผิดและอุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้นซ่อนเร้นหรือช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ซึ่งภายหลังสอบปากคำทางตำรวจและมีการนำตัวทั้ง 4 ราย ฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้เบื้องต้นทางผู้ต้องหาทั้งสี่รายยังคงปฏิเสธและไม่ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยพยานหลักฐานหรือสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการค้นพบค่อนข้างชัดเจนว่ามีการเชื่อมโยงช่วยในการหลบหนีภายหลังที่มีการปะทะ เช่นเดียวกับอีกหนึ่งผู้ต้องหาที่ตอนนี้กำลังหลบหนีอยู่ พบว่าพฤติการณ์ของเจ้าตัวนั้นเป็นคนจัดหายานพาหนะ เพื่อช่วยในการหลบหนี หน่วยยานพาหนะที่หลบหนีนั้นจะมีทั้งในส่วนของรถกระบะและจักรยานยนต์

 


เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงตำรวจมีพยานหลักฐานว่าทำหน้าที่อย่างไร ใช้รถอะไรไปรับไปส่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยพฤติการณ์ได้ เพราะอยู่ในสำนวน ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งห้าคนรู้จักหรือสนิทสนมกับทางเสี่ยแป้งในลักษณะแบบใด ในส่วนนี้ยืนยันว่าเป็นการรู้จักในลักษณะที่เป็นคนในพื้นที่ด้วยกันและหากมีการช่วยเหลือหรือ มีผลประโยชน์ซึ่งการในอดีต ยืนยันว่าบุคคลทั้งหมดที่มีการเข้าจับกุมวันนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่หรือเป็นที่รู้จักของคนในจังหวัด
 

เผยจากหลักฐานของทางสถานีตำรวจยอมรับว่ากลุ่มที่ให้ความช่วยเหลือในส่วนที่มีการจับกุมนั้น น่าจะมีการวางแผนและเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกอย่างทำเป็นขบวนการและขั้นตอนภายหลังที่มีการปะทะ ส่วนจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ช่วยหลบหนีในช่วงที่ออกจากโรงพยาบาลหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในช่วงขยายผล ส่วนราย ละเอียดเกี่ยวกับเรื่องช่วงเวลาที่หลบหนีลงจากเขา รวมไปถึงบุคคลที่กำลังตามตัวอยู่ได้มีการหลบหนีจากทางเสี่ยแป้งหรือไม่ ประเด็นดังกล่าวยังอยู่ในช่วงของการขยายผลเพื่อติดตาม

 
ขณะที่ทาง พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ ยืนยันว่าชุดปฏิบัติการในส่วนของการสืบสวนสอบสวนยังคงทำงานและลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสบุคคลที่เกี่ยวข้องและตามตัวในส่วนของเสี่ยแป้ง ซึ่งกระบวนการทำงานนั้นได้มีการไล่เรียงไทม์ไลน์และเวลาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ย้ำว่าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาลุคคลที่เกี่ยวข่อฃทั้งหมด 12 ราย ตั้งแต่ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและพื้นที่จังหวัดพัทลุง โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวน 3 ราย เพราะมีการยึดของกลางไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอาวุธและยานพาหนะที่เกี่ยวข้อง

 


 

ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่มีการประทะเป็นการใช้กำลังและยุทธวิธีตามขั้นตอน และเป็นการตอบโต้ตาม ขบวนการยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่เองไม่ได้มีเจตนาที่จะวิสามัญตามที่เป็นข่าว การดำเนินคดีจะต้องทำควบคู่กับความเป็นจริงไม่ได้เน้นความรู้สึก
 

อย่างไรก็ตามภายหลังที่มีการสอบสวนเเล้วเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนำตัวไปฟ้องศาลที่จังหวัดพัทลุง โดยในส่วนของผู้ต้องหาบุคคลแรก (เสื้อขาว) ทางทีมข่าวได้มีการพยามสอบถามว่ารู้จักหรือช่วยเสียแป้งในการหลบหนีหรือไม่ ถามเจ้าตัวเองสายหน้าพร้อมบอกว่าไม่รู้จักและไม่ได้ช่วยในการหลบหนี ยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับอีกหนึ่งผู้ต้องหา (เสือแดง นายสุรเชษ) ทีมข่าวได้พยามสอบถามว่าทำไมถึงไปพกอาวุธปืนและหลักฐานอยู่ภายในบ้านของเจ้าตัว ซึ่งทางผู้ต้องหาเองสายหน้าและปฏิเสธว่าไม่ทราบ ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับชทยชุดดำ อีกหนึ่งผู้ต้อฃหาที่ส่ทยหน้าและไม่ให้ข้อมูล ก่อนที่ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการคุมตัวทั้งหมดขึ้นรถและนำไปยังศาล โดยทุกคนไม่ได้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดหรือกังวลจากที่สังเกต คล้ายว่าทั้งหมด เตรียมหลักฐานพร้อมที่จะยื่นประกันตัวในชั้นศาล เช่นเดียวกับทางญาติของทางผู้ต้องหาที่ได้เดินทางมายังบริเวณสถานีตำรวจ แต่กลับไม่ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดตลอดจนการสัมภาษณ์กับทางทีมข่าวแต่อย่างใด

หน้าแรก » อาชญากรรม