ตามนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยาและเป็นเส้นทางลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน.ภาค 4 ได้ระดมสรรพกำลังเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ท.ศานติ สกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./ผบ.ศปก.ตร.สน. , พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ,  นำโดย พ.ต.ท.พิรยุทธ ห่อเพชร สว.กก.สส.2 บก.สส.จชต./หน.ชปส.บก.สส.จชต. ได้ร่วมกันจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญจำนวน 1 เครือข่าย ผู้ต้องหา 3 คน 

โดยวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567  เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.กรกฎ ภู่โชติ รอง กอ.รมน.ภาค 4 สน. , นายวิชัย เพชรรักษ์ ผอ.สำนักบังคับกฏหมาย ปปส.ภาค 9 , และ พ.ต.ท.พิรยุทธ ห่อเพชร สว.กก.สส.2 บก.สส.จชต./หน.ชปส.บก.สส.จชต. หัวหน้าชุดจับกุมแถลงข่าวการจับกุมและตรวจยึดยาบ้าจำนวน 1,000 เม็ด และยาไอซ์อีกจำนวน 210 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์  2567 ได้จับกุมนายอรรคเดช อายุ 22 ปี  อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวนทั้งหมด 1,000 เม็ด เหตุเกิด ในพื้นที่บ้านกูแบบาเดาะ จ.นราธิวาส และได้ทำการยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ฯ เพื่อตรวจสอบ จำนวน 4 รายการ มูลค่าประมาณ 1.8 ล้านบาท ต่อมาได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อทำลายเครือข่าย และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 01.15 น. สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม จำนวน 2 คน คือ  1.นายอันวา อายุ 34 ปี อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาที่ 1   2. นายมูฮำหมัด อายุ 24 ปี อ.เมือง จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาที่ 2

พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 210 กิโลกรัม รถยนต์บรรทุกพ่วง จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ด จำนวน 4 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ หรือไอซ์) อันมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย 

จากการสืบสวนทราบว่ามีนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.นราธิวาส เครือข่ายพ่อเลี้ยงชาวเหนือ ได้ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ และ ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามจับกุมบุคคลในเครือข่ายได้จำนวนหลายราย และได้ทำการขยายผลเพื่อทำลายเครือข่ายมาโดยต่อเนื่อง กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่าย ชื่อ นายอรรคเดช เป็นคนพื้นที่ จ.นราธิวาส ได้พร้อมยาบ้าของกลางดังกล่าวข้างต้น โดยจับกุมได้ในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และได้ทำการขยายผลเพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่ายเพิ่มเติม และจากการสืบสวนขยายผลทราบว่ามีบุคคลในเครือข่ายชื่อ นายอันวา  ได้มีการติดต่อกับเครือข่ายในพื้นที่ภาคเหนือ ในการเตรียมการ

ที่จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดชนิดไอซ์ล๊อตใหญ่จากพื้นที่ภาคกลางเพื่อส่งจำหน่ายให้เครือข่ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้รถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ในการซุกซ่อน ลำเลียงยาเสพติด จึงได้ประชุมวางแผน ทำการสืบสวนติดตามจับกุม กระทั่งทราบข้อมูลยานพาหนะที่เครือข่ายดังกล่าว ใช้ในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ หลังจากนั้นได้วางแผนจัดกำลังเฝ้าติดตามความ

เคลื่อนไหวของรถยนต์เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการติดตามและตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน พร้อมของกลางได้ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 155 ริมถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี - นราธิวาส ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ในการนี้ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 จำนวน 7 รายการ มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท สำหรับบุคคลในเครือข่ายที่ร่วมกระทำผิดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับและดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยาและเป็นเส้นทางลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน.ภาค 4 ได้ระดมสรรพกำลังเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังต่อเนื่อง