เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 มิ.ย.67 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ปปส.ภาค 4 , พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รองผบก.ภ.จ.อุดรธานี, พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.หนองคาย, พันเอกสุภัทร ชุตินันทน์ รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, นางวิภาวรรณ ใยบัวเทศ นายด่านศุลกากรหนองคายปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ปปส. ,ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการรับมอบตัวผู้ต้องหาคดีสำคัญ คือ นายปราโมทย์ อายุ 32 ปี ชาวขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี หนีไปกบดานที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว แล้วถูกเจ้าหน้าที่กรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)  จับกุมได้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.67 ที่บ้านพักในพื้นที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว จากนั้นได้ประสานงานกับทางการใหญ่ดำเนินการส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ปปส.ภาค 4 กล่าวว่า พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ปปส. ได้มีนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาเสพติด มีจุดเน้นเรื่องการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งการสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติด มุ่งเน้นการสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการค้าที่มีโครงสร้างการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งในรายของนายปราโมทย์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีไปซ่อนตัวในประเทศเพื่อนบ้านนั้นเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ มีการนำเข้ายาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสาน กระจายไปยังหลายจังหวัด เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ทั้งเครือข่าย

พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รองผบก.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี จับกุมนายรชต ลาจันนนท์ และนายอภิสิทธิ์ สนิทชน ของกลางยาบ้า 302,000 เม็ด ซึ่งต่อมาวันที่ 23 ก.พ.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี จับกุมนายอลงกรณ์ สอนสุภาพ พร้อมของกลางยาบ้า 20,000 เม็ด จากการสอบสวนทราบว่าทั้งสองเป็นเครือข่ายเดียวกัน และรับยาบ้ามาจากนายปราโมทย์ เมื่อตรวจสอบจนแน่ชัดแล้วจึงได้ขออนุมัติหมายจับ แต่นายปราโมทย์ ได้หลบหนีไปอยู่กับภรรยาชาวลาวที่นครหลวงเวียงจันทน์ ผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยนายปราโมทย์ จะคอยสั่งยาเสพติดเข้ามาให้เครือข่ายกระจายตามจังหวัดต่าง ๆ ครั้งละ 2-5 ล้านเม็ด ถือเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในภาคอีสานที่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ และด้วยความร่วมมืออันดีระหว่างสองประเทศ ทำให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายในการปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน หลังจากนี้จะได้ควบคุมตัวกลับไปดำเนินคดีในพื้นที่ สภ.เมืองอุดรธานีต่อไป.