ที่จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 7 ส.ค.2567 นายธรรศ ศรีดุษฎี  ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี (ชุดไกรสีห์) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุพรรณบุรี (มังกร27) บุกเข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อยู่กลางทุ่งนาหลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีการลักลอบขายยาเสพติดกันภายในบ้าน จากการตรวจค้นพบนายกิตติพงศ์ เล็กโสภี อายุ 51 ปีฉายาอ้วนโคกโคเฒ่าจอมลีลา   อยู่ในห้องนอน ตรวจค้นในห้องนอนเบื้องต้นพบยาบ้าจำนวนหนึ่งอยู่ในซองพลาสติกใส และถุงซิปปิดเปิดสำหรับใส่ยาเสพติดแบ่งขายจึงนำตัวออกมาสอบถาม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ถามนายอ้วน ว่ามียาบ้าเหลืออยู่อีกไหม นายอ้วน บอกว่าหมดแล้วมีแค่ที่เจอแต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อเนื่องจากได้รับรายงานว่านายอ้วน เพิ่งจะรับยาบ้ามาจากเอเย่นต์หลายร้อยเม็ด จึงช่วยกันค้นหาต่อก็พบยาบ้าอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้าเพิ่มอีกจำนวนหนึ่งซ่อนอยู่ในตู้หัวนอน จึงถามนายอ้วน อีกว่ามียาบ้าอีกไหมนายอ้วน ตอบว่าหมดแล้วมีเท่านี้แหละ เจ้าหน้าที่ก็ไม่เชื่อคำพูดจึงช่วยกันค้นหาทั้งนอกบ้าน ในบ้านในห้องนอนของนายอ้วน ห้องของพ่อและน้องสาว สุดท้ายก็พบยาบ้าอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้าซุกอยู่ในกระปุกอลูมีเนียม วางอยู่บนโซฟาไม้ในห้องติดกันที่กำลังสร้างยังไม่เสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ถามนายอ้วน อีกว่าหมดยังนายอ้วน ยังตอบคำเดิมคือหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงถามนายอ้วน ว่าไหนบอกไม่มีแล้วทำไมยังหาเจออีก นายอ้วน ตอบหน้าตาเฉยว่าไม่มีใครรับหรอก ที่บอกว่าหมดแล้วเผื่อฟลุ๊ก เผื่อเจ้าหน้าที่หาไม่เจอ

เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายอ้วน ไปชี้จุดที่พบยาบ้าแต่ละจุดเริ่มจากในห้องนอนโดยก่อนจะชี้ที่ซ่อนยาบ้านายอ้วน ได้ขึ้นไปยืนบนเตียงแล้วเปิดกล่องไม้ซึ่งเป็นที่เก็บเงินบนชั้นวาง หลังจากเปิดกล่องนายอ้วน ได้หยิบเงินแบงค์ร้อย ขึ้นมา 1 ใบพร้อมส่งเสียงโวยวายกล่าวหาว่าเงินหายไปไหนหมดใครเอาเงินของตนไป เจ้าหน้าที่บอกให้ใจเย็นๆ ดูให้ดีๆ นายอ้วน จึงดูใหม่พบว่าเงินยังอยู่ครบจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้ชี้ของกลาง แต่ก่อนจะชี้เจ้าหน้าที่ได้ถามนายอ้วน ว่ายาบ้าอยู่ตรงไหนบ้างนายอ้วนบอกอยู่ 2 ที่คือในห้องนอน และห้องติดกัน เจ้าหน้าที่จึงถามอีกว่าจะให้เอามารวมกันหรือแยกกันนายอ้วน ก็ออกลีลา ถามเจ้าหน้าที่ว่าแยกของกลางกับรวมกันต่างกันยัง โทษจะลดลงใช่ไหม เจ้าหน้าที่บอกเท่าเดิม นายอ้วน ก็คอตกบอกงั้นก็แล้วแต่เลย หลังชี้ของกลางในห้องเสร็จก็ไปที่ห้องติดกันซึ่งยังไม่มีประตู นายอ้วน จึงปีนเข้าไปชี้เมื่อเสร็จเจ้าหน้าที่ได้เข้าประคองนายอ้วน ให้ลุกขึ้น เนื่องจากนายอ้วนอ้างว่าตนสุขภาพไม่ดีปวดหลังกระดูกทับเส้นประสาท แต่จู่นายอ้วนก็เอะอะโวยวาย เสียงดังกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่จะตบจะไม่ยอมออกจากห้อง 

ทั้งที่ระหว่างชี้จุดเกิดเหตุน้องสาวของนายอ้วน ก็ยืนดูอยู่สุดท้าย เจ้าหน้าที่ก็นำตัวออกมาได้หลังจากออกมาแล้วนายอ้วนก็ยังไม่เลิกโวยวาย สั่งให้พ่อวัย 82 ปี ที่ยืนดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้เปิดไฟทั้งที่ไฟก็สว่างบอกกลัวไม่ปลอดภัยเจ้าหน้าที่จะทำร้ายทั้งที่ไม่มีใครทำอะไรเจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้ฟังว่าเจ้าหน้าที่มีกล้องVDO บันทึกการทำงานตลอดเวลาแล้วยังมีพ่อและน้องยืนดูตลอดเวลาไม่มีใครทำอันตรายและเจ้าหน้าที่ไม่เคยทำร้ายผู้ต้องหา

จากนั้นนายธรรศ ศรีดุษฎี  ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี หัวหน้าชุดจับกุมได้แจ้งให้ผู้ต้องหาพร้อมน้องสาวและพ่อทราบถึงสาเหตุการเข้ามาจับกุมในครั้งนี้พร้อมสอบสวนนายอ้วน ผู้ต้องหาเบื้องต้นรับสารภาพว่ารับยาบ้ามาเอเยนต์ยาบ้า ในพื้นที่อำเภอศรีประจันต์ ราคาถุงละ 3,000 บาท แล้วขายต่อราคาเม็ดละ 30-40 บาทแล้วแต่หน้าคนซื้อ ถ้าลูกค้าคนไหนกวนตีน ตนก็จะขายแพง ถ้าลูกค้าไม่กวนก็จะขายถูกถ้าคุยถูกคอก็ให้เสพฟรี ก่อนที่จะมาขายยาบ้าตนเคยทำงานเป็นลูกจ้างอยู่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งแต่สุขภาพไม่ดีเป็นกระดูกสันหลังทับเส้นประสาททำงานต่อไม่ได้จึงออกจากงานแล้วเครียดจึงหันไปเสพยาเสพติดเริ่มจาก สูบกัญชา โรยผงขาวอยู่นานเคยมีครอบครัวเมื่อก่อนทั้งตนและภรรยาก็เสพยาด้วยกันแต่ภรรยาเลิกได้ ส่วนตนเลิกไม่ได้ภรรยาจึงไปตนจึงอาศัยอยู่กับพ่อและน้องสาว ซึ่งเมื่อก่อนน้องสาวก็เสพยาด้วยกันแต่ก็เลิกเสพแล้วส่วนตนเลิกไม่ได้ จึงเปลี่ยนจากกัญชาโรยผงขาว มาเสพยาบ้าแทน แล้วผันตัวมาขาย

ซึ่งประวัติตนก็เคยถูกจับข้อหาเสพยาเสพติดและครอบครองยาบ้ามาก่อนแต่ก็เลิกเสพเลิกขายไม่ได้เพราะร่างกายไม่แข็งแรงไม่รู้จะทำมาหากินอะไรจึงขายยาบ้าหารายได้ใช้จ่ายแถมยังได้เสพยาด้วยเพราะตนเสพยาบ้า เยอะมากวันละกว่า 10 เม็ดที่ตนโวยวายใส่เจ้าหน้าที่เป็นเพราะตนหลุด และหลอน ส่วนจะให้ตนให้ข้อมูลเอเย่นต์ยาบ้า ตนทำไม่ได้เพราะเคยมีบุญคุณต่อกันเขาเคยช่วยเหลือตนในยามที่ตนล้ม  
    
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี สอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่จะคุมตัวไปดำเนินคดีนายอ้วน ได้สั่งเสียน้องสาวให้ดูตัวเองและดูแลพ่อ ให้ดี ส่วนตัวพี่ต้องยอมรับสภาพ คงติดคุกหลายปี