วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 17:47 น.

อาชญากรรม

ทางหลวงชุมพรสกัดจับรถทัวร์โดยสารลักลอบขนแรงงานเถื่อนเต็มคัน 46 คน รับได้รับค่าจ้าง 5 หมื่น

วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 13.30 น.

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 26 มิ.ย.68 พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ท.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.ชุมพรพ.ต.ท.วิรัตน์ ฉิมมณี สว.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร และ พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ กอ.รมน.ชุมพร และกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมจับกุม นายประสิทธิ์ อึ่งทอง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/14 ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล คนขับรถทัวร์ มือ 1 พร้อมด้วย นายทศพร ศาสตร์มะเริง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ม.5 ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา คนขับมือ 2 และนายศุภกิจ มิ่งพิจารย์ เด็กรถ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 ม.7 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา ที่ร่วมกันลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 47 คน  มากับรถทัวร์ปรับอากาศ ยี่ห้อ SCANIA สีขาว-ฟ้า ทะเบียน 14-2301 กทม. 
          
สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา ประมาณ 02.30 น.วันที่ 26 มิถุนายน 68 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้นำรถวิทยุตรวจการณ์หมายเลข 2408 ออกตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย จนมาถึงบริเวณ ทล.4 (เพชรเกษม) กม.483 (ขาล่องใต้) ม.9 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร   ได้พบรถทัวร์โดยสารต้องสงสัย ยี่ห้อ SCANIA สีขาว-ฟ้า ทะเบียน 14-2301 กทม. ขับมาในลักษณะแช่ขวายาวตลอดเส้นทางเดินรถ โดยได้แซงรถวิทยุขึ้นมาในช่องทางขวา เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตาม พร้อมส่งสัญญาณเรียกให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อว่ากล่าวตักเตือน เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้หยุดแล้วนั้น รถคันดังกล่าวได้เร่งความเร็วลักษณะคล้ายจะหลบหนี 
          
และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถส่งสัญญาณให้รถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวหยุดแล้ว จึงได้ลงตรวจสอบพบว่า มีผู้ขับขี่ประจำรถเป็นชาย ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายประสิทธิ์  และมี นายทศพร เป็นผู้ขับขี่ประจำรถคนที่ 2 และ นายศุภกิจ เป็นพนักงานประจำรถ  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สอบถามบุคคลทั้ง 3 คน ว่าเหตุใดจึงไม่จอดรถขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้หยุด ทั้ง 3 คน กลับมีท่าทางพิรุธ ต้องสงสัย พูดจาวกไปวนมา 
        
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขึ้นไปตรวจสอบบุคคลภายในรถทัวร์โดยสาร และพบว่าบุคคลที่นั่งมาในรถทัวร์โดยสารนั้น เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เป็นเพศชายจำนวน 30 คน และเพศหญิงจำนวน 16 คน และมีผู้ติดตามเพศหญิง 1 คน รวมทั้งหมด จำนวน 46 คน และเด็ก1 คน โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารแสดงตนหรือหลักฐานแสดงการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยสารมาร่วมกับผู้โดยสารซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย 
         
ตรวจสอบพบว่ามีผู้โดยสารซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ได้ซื้อตั๋วและมีที่นั่งทั้งสิ้นจำนวน 20 คน  ตามตั๋วโดยสาร ส่วนที่เหลือไม่พบตั๋วโดยสาร โดยพบว่ามีคนต่างด้าวซุกซ่อนอยู่ในช่องนอนหลังเบาะผู้ขับขี่จำนวน 10 คน และซุกซ่อนอยู่ในช่องใส่กระเป๋าใต้ท้องรถอีกจำนวน 5 คน ส่วนที่เหลืออีก 11 คน นั่งกระจายอยู่บริเวณเบาะผู้โดยสารด้านหลังรถ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือซ่อนเร้น ให้คนต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
         
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ขับขี่และพนักงานประจำรถที่รู้เห็นในการนำพาบุคคลต่างด้าวทั้ง 3 คน และบุคคลต่างด้าวทั้งหมด พร้อมรถของกลางมายังสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด
     
จากการสอบสวน นายประสิทธิ์ฯ ผู้ขับขี่ประจำรถ นายทศพรฯ และนายศุภกิจฯ ให้การรับสารภาพว่า บุคคลต่างด้าวทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางและเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนำรถออกจากสถานีขนส่งสายใต้มีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วจำนวน ทั้งสิ้น 20 คน และยอมรับว่าตนได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าเป็นคนไทยไม่ทราบชื่อที่อยู่ ได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์ ให้มารับบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารประจำตัวและไม่มีตั๋วโดยสารอีก จำนวน 2 จุด หลังจากออกจากสถานีขนส่งสายใต้ จุดแรกที่ จ.สมุทรสาคร และมารับจุดที่ 2 ที่ จ.สมุทรสงคราม ซึ่งจะมีเบอร์โทรของนายหน้าโทรมาหาและบอกจุดรับ-ส่ง ตลอดเส้นทาง โดยได้รับค่าจ้างรวมเป็นเงินประมาณ 50,000 บาท จะโอนให้หลังจากส่งบุคคลต่างด้าวถึงจุดหมายปลายทาง โดยจุดหมายปลายทางที่กำหนดคือจังหวัดสุราษฎร์ธานี
          
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 3 คน  ในข้อหา “ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใด เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

หน้าแรก » อาชญากรรม