วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเปิดเผยว่า ที่ สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายปฐมพงศ์  ชัยสุราษฎร์ เลขาสภาเทศบาลนครรังสิต ได้ พา นางสาว เอ(นามสมมุติ) อายุ21 ปี และแฟนหนุ่ม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ไพรัตน์ วรรณี สารวัตรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ หลัก ถูก หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล คอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ บุกเข้าห้องตอนตี 1 อ้างขอยืมสายชาร์จโทรศัพท์แล้วใช้กำลังผลักประตูเข้าห้องแล้วแก้ผ้าผู้เสียหายหนีไปอยู่ที่ระเบียงล็อคจากด้านนอกหนุ่มหื่นทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแก้ผ้าอาบน้ำแล้วเหมือนเสพยารอ สาวโทรหาแฟนหนุ่มมาช่วยเหลือเอาไว้ได้ ทั้งที่แม่ได้บอกเอาไว้ว่า หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล เป็นคนบ้านเดียวกับแม่ ถ้าเจอก็ยกมือไหว้ ทำให้ นางสาว เอ (นามสมมุติ) ไม่ได้คิดอะไร ประกอบกับ เป็นคนที่ใจดีชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว เห็นเป็นผู้จัดการนิติบุคคลเดือดร้อนเลยช่วยเหลือ

โดย นางสาว เอ(นามสมมุติ) อายุ21 ปี กล่าวว่า ตนเองอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้คนเดียว เพราะอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตนเองเรียน และด้วยตนเองเรียนมาแต่โรงเรียน นานาชาติ ทำให้ อ่านและฟังภาษาไทยได้ไม่จัดเจน วันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ตนเองอ่านหนังสืออยู่ แล้วอยู่ ๆ หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ได้ส่งข้อความมาหาตนเอง แต่ตนเองไม่เข้าใจ คิดว่า ต้องการขอยืมสายชาร์จมือถือ แล้วหนูก็เลยบอกว่าโอเค พอหนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ขึ้นมา หนูก็แง้มประตูยืนสายชาร์จไปให้ แต่เขาไม่ได้มาเอาสายชาร์จแต่ผลักประตูเข้าห้องมาโดยไม่ได้รับอนุญาต พอเข้าห้องมาได้ ก็ถอดของที่สวมใส่สวนตัวออกมาวางไว้ หลังจากนั้น หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ทำทีขออนุญาตล้างหน้าแต่ไม่ได้รอคำตอบจากหนู และก็เดินไปที่ห้องน้ำเลย แล้วก็อาบน้ำ ออกมาจากห้องน้ำโดยเปลือยกาย ออกมา และมายืนตรงกลางห้อง แล้วร้องขอผ้าเช็ดตัว พร้อมทำตัวข่มขู่โวยวาย หนูกลัวมาก หนูก็เลยยื่นผ้าเช็ดตัวให้เค้า แต่ทางหนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ได้มีการจับแขนรูดยามจนถึงผ้าเช็ดตัวแล้วก็หยิบผ้าเช็ดตัวไป และก็ มาขอกระดาษเปล่าๆ เอาไปวางเสื้อผ้า หลังออกจากห้องน้ำก็เดินมานั่งที่โซฟา โดนนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว พอหนูพยายามจะออกไปจากห้อง เขาก็ลุกขึ้นมาพยายามปิดทางหนีออกจากห้อง จากนั้นเริ่มพูดคุยว่าถ้าหนาวกอดพี่ได้น่ะ ทำตัวสบายๆ  น่ะ ถ้าหนาวพี่ขึ้นไปนอนด้วยได้ไหม หนู่กลัวมากเลยทักไปหาแฟนหนู ให้มาหา และหนูก็ออกไปยืนหลบอยู่ที่ระเบียงห้อง พอแฟนหนูมาถึงตัวคนก่อเหตุวิ่งมาหาหนู มาทุบประตูระเบียงแล้วโววายว่าพาใครมา พาใครมา หนู่เลยอาศัยจังหวะวิ่งไปเปิดประตูห้อง แต่ หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ก็พยายามกระชากตัวเอาไว้แต่หนูก็หลุดมาได้ พอแฟนเข้ามาได้ก็มีการโตเถียงอย่างรุนแรงตนเลยถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน

ด้านแฟนหนุ่ม เล่าว่า ตอนที่เกิดเหตุ เป็นช่วงเวลาประมาณ ตี 1 แล้ว ผมนอนแล้ว และมีข้อความดังหลายรอบจรสะดุ้งตื่นขึ้นมา และดูข้อความ น้องส่งมาบอกช่วยด้วย มีคนเข้ามาในห้องหนู ผมจึงให้น้องไป ที่ระเบียงและล๊อคประตูระเบียงเอาไว้ จากนั้นผมจึงรีบขี่รถ จยย. จากลาดพล้าวมาที่คอนโดของน้องเวลาประมาณ ตี 2 กว่าๆ  และ ประสาน รปภ. ให้ขึ้นไปที่ห้องน้องด้วยกัน แต่ รปภ.บอกจะขึ้นไปได้ต้องประสาน ผู้จัดการนิติบุคคลก่อน ผมก็บอกว่า มันไม่รับหรอกเพราะ มันอยู่ในห้องแฟนผม ผมจึงได้ลากตัว รปภ.ขึ้นพาด้วย ซึ่งผมมีคีย์การ์ดของคอนโด จึงสามารถเข้ามายังในคอนโดได้ พอขึ้นไปถึงหน้าห้องก็เคาะห้อง เคาะซักพักนึงเลยน้องวิ่งมาเปิดประตูให้ พอเปิดประตูได้ น้องก็บอกว่า  หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล อยู่ในห้องน้ำ ซึ่งผมมารู้ที่หลังว่าเขาแก้ผ้าอยู่ และเข้าห้องน้ำเพื่อไปแต่งตัว ผมจึงเดินตรงไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกให้ออกมาก พอออกมาผมถามเลยว่าคุณเข้ามาห้องนี้ทำไม เข้ามาได้อย่างไรเขาก็อ้างว่ามา ชาร์จแบต ทะเลาะกับแฟนเข้าห้องไม่ได้ คุณเข้าห้องไม่ได้ แล้วมาอาบน้ำ แก้ผ้าในห้องได้ไง คุณทำแบบนี้ทำไมมันไม่ใช่แล้ว ด้วยอารมณ์โมโห ผมจึงลงมือต่อยเขาเลย ซึ่งในห้องน้ำที่เค้าเข้าไป มีทั้งกลิ่นบุหรี่ และ กลิ่นแปลกๆ คาดว่าเป็นสารเสพติด จากนั้นผมจึงลากออกมาคุย และบอกไปว่าคุณเป็นอะไร เป็นผู้จัดการนิติ ใช่ไหม แล้วทำไมมาทำแบบนี้ เข้ามาบุกรุกเและมาแก้ผ้าในห้องคนอื่นผมก็เลยให้โทรเรียกแฟนผู้ก่อเหตุมา และแฟนก็เป็น ประธานนิติบุคคลอยู่ที่คอนโดนี้ จากนั้น ผมให้น้องโทรแจ้งตำรวจ ก็ตกใจก้มกราบเลย ขอโทษน้อง ยอมรับผิด ซึ่งมันเหมือนคุยกันไม่รู้เรื่องถามอะไรไปก็ไม่ได้ คำตอบอะไรออกมา

ส่วนคุณแม่ของ นางสาว เอ(นามสมมุติ) ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เค้ามาทำตัวตีสนิทกับแม่ แม่ก็เห็นเป็น ผู้จัดการนิติ และเป็นคนบ้านเดียวกัน เลยบอกลูกไว้ ทำให้ลูกไม่ทันระวังตัว จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น หลังจากเกิดเหตุ ตนเองพึ่งบินกลับมาจาก จีน พอทราบเรื่อง ก็ ได้ ไปสอบถามเพื่อนบ้าน พบว่า ผู้จัดการนิติบุคคล คนนี้มีพฤติกรรมการก่อเหตุลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งตนเองมีหลักฐานทั้งหมดและได้รวบรวมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้แล้ว แต่กลัวอิทธิพลเพราะผู้ก่อเหตุที่คล้ายจะสนิทสนมกับนักการเมืองใหญ่ โชคดีได้ ท่าน สท.ปฐมพงศ์  ชัยสุราษฎร์ เลขาสภาเทศบาลนครรังสิต เข้ามาช่วยเหลือ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ในครั้งนี้