มีรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) นำโดย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ที่มีพฤติกรรมโพสต์ขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยสามารถตรวจยึดของกลางได้จำนวนมาก 

ปฏิบัติการแรก ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยชุดสืบสวน บช.ทท. ได้สืบสวนหาข่าวในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จนพบเบาะแสจากบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ประกาศขาย อาวุธปืนแบลงค์กัน ขนาด .380 พร้อมเครื่องกระสุน เจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อ โดยนัดหมายส่งมอบของที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในอำเภอบางละมุง เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายกฤษฎา หรือแบ็ค อายุ 29 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มายังจุดนัดพบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แม้จะไม่พบอาวุธปืนตามที่ตกลงกันในตอนแรก แต่จากการสอบสวนและหลักฐานวิดีโอการสั่งซื้อ 

นายกฤษฎาได้ยอมรับว่าตั้งใจจะนำสินค้าชนิดอื่นมาหลอกขายก่อนจะนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นที่พัก ซึ่งพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนตามที่ประกาศขายจริง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงถูกตั้งข้อหา "พยายามจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ดำเนินคดีต่อไป

ปฏิบัติการที่ 2 ที่ จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ทท. ได้ขยายผลการจับกุมไปยังพื้นที่จังหวัดราชบุรี หลังพบการประกาศขายอาวุธปืนผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการขาย ปืนแบลงค์กันไทยประดิษฐ์ ขนาด .380 และ ปืนซิกซาวเออร์ p228 ขนาด 9 มม. เจ้าหน้าที่ได้วางแผนล่อซื้อในราคา 32,000 บาท โดยนัดหมายให้ส่งสินค้าผ่านบริษัทขนส่งที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านโป่ง

เมื่อ นายทวีป หรือหยอง อายุ 29 ปี เดินทางมาถึงจุดส่งพัสดุ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและตรวจค้นกล่องพัสดุที่ผู้ต้องหากำลังจะส่ง พบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใน นอกจากนี้จากการสอบสวน นายทวีปยังยอมรับว่าได้เก็บอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ที่โรงพักซากสัตว์ร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงขยายผลเข้าตรวจค้นและพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอีกหลายรายการ

นายทวีปถูกตั้งข้อหา "พยายามจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต" จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ดี การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมด้านอาวุธปืนของ บช.ทท. ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของปืนเถื่อนที่นำไปสู่คดีอุกฉกรรจ์ทั่วประเทศ