เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 10 พ.ย.68ที่ผ่านมา ร.ต.ท.สุเมธ เพชรเรือน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งพบรถต้องสงสัยที่หายไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณบ้านร้างภายในหมู่บ้านศรีสุชาติแกรนด์วิว 2 ซอย 12 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเป็นรถของบุคคลที่ญาติได้แจ้งความไว้กับ สภ.วิชิตเมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 เนื่องจากหายตัวไปไม่กลับบ้านพักตามปกติและไม่ทราบชะตากรรม จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตนำกำลังชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต พฐ.และมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรุดไปตรวจสอบ

โดยที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยว มีบ้านร้าง ใต้ต้นไม้ใหญ่พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสันซันนี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กง 5311 ภูเก็ตจอดอยู่ โดยประตูรถไม่ได้ล๊อค เมื่อมองผ่านกระจกเข้าไปภายในรถ พบศพหญิงสาวศีรษะทิ่มลงที่วางเท้า ขาชี้อยู่บนเบาะคนนั่ง สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นลายดอก นุ่งกางเกงขายาวสีดำ จากนั้น พฐ.ได้เปิดประตูรถเพื่อตรวจสอบ โดยภายในรถมีร่องรอยการต่อสู้ ไฟส่องสว่างที่ติดอยู่เพดานรถแตก พระที่ตั้งอยู่หน้ารถกระจัดกระจาย ในมือขวาของศพกำพระเครื่องหลวงปู่ทวดอยู่ 1 องค์ เบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามร่างกายของศพ เนื่องจากสภาพศพขึ้นอืด ผิวหนังบวมและเปลี่ยนสีแล้ว จึงไม่เห็นบาดแผลที่เด่นชัด เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.อรทัย หรือ ไกด์กลาง อายุพงษ์ อายุ 56 ปี มีอาชีพเป็นมัคคุเทศก์หรือไกด์ของบริษัทท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตและยังเป็นอุปนายกสมาคมมัคคุเทศก์อันดามัน จึงนำศพออกจากรถแล้วนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ตเพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง

ขณะเดียวกันชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตและชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตได้ควบคุมตัวนายจิรศักดิ์ ยอดบำ อายุ 43 ปีคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า น.ส.อรทัยแล้วนำรถเก๋งของผู้ตายมาจอดทิ้งไว้หน้าบ้านร้างภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอย 12 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ตดังกล่าวมาชี้ที่เกิดเหตุ หลังจากที่ชุดสืบสวนแกะรอยจากจุดที่ น.ส.อรทัยผู้ตายจอดรถที่ห้างแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองภูเก็ตเมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 เนื่องจาก น.ส.อรทัยจะจอดรถเก๋งส่วนตัวคันดังกล่าวไว้ที่ลานจอดรถของห้าง อยู่เป็นประจำก่อนที่จะให้รถตู้ของบริษัทมารับเพื่อไปทำงานเป็นไกด์ตามปกติ จนญาติและเพื่อนๆของ น.ส.อรทัยได้เข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.วิชิต เมื่อวันที่ 8 พ.ย.68 จนพบว่ามีชายต้องสงสัยนำรถของ น.ส.อรทัยผู้ตายขับออกจากห้างดังกล่าวในวันที่ 7 พ.ย.68 จากนั้นชุดสืบสวนได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดของห้างและตามที่สาธารณะต่างๆ จนกระทั่งพบชายต้องสงสัยพักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จึงได้เฝ้าติดตาม

ต่อมาเวลา 14.00 น.วันที่ 10 พ.ย.68 เมื่อหลักฐานต่างๆเชื่อได้ว่าชายต้องสงสัยอาจก่อเหตุกับ น.ส.อรทัย ชุดสืบสวนจึงเฝ้าติดตามพบรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บน 6719 ภูเก็ต โดยมีชายต้องสงสัยกำลังขับออกจากหมู่บ้าน ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จากนั้นได้ขับไปติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกบ้านบางคู ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ชุดสืบสวนจึงขับประกบแล้วเปิดประตูรถกระบะที่ชายต้องสงสัยเป็นคนขับอยู่เพียงลำพัง พร้อมกับแสดงตัว จากนั้นได้นำรถกระบะจอดข้างทาง ทราบชื่อคนขับรถกระบะคือ นายจิรศักดิ์ ยอดบำ อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาเดิม อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยขณะนั้นนายจิรศักดิ์รู้แล้วว่ากำลังถูกจับกุมตัว เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่า น.ส.อรทัยหมกรถเก๋งของผู้ตายก่อนชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทและนาฬิกาแอปเปิ้ลวอล์ยอีก 1 เรือนไป พร้อมกับแจ้งชุดสืบสวนว่านำรถและศพผู้ตายไปทิ้งไว้จุดใดภายในหมู่บ้าน ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต

จากการสอบสวนนายจิรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า เมื่อเวลา 16.47 น.วันที่ 7 พ.ย.68 ได้ไปพบผู้ตายที่ห้างดังกล่าว โดยบังเอิญ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยขณะนั้นผู้ตายกำลังเดินออกจากตัวห้างไปยังลานจอดรถของห้าง จากนั้นตนเองได้เดินตามไป เมื่อคนตายเปิดรถเก๋ง ตนจึงเปิดประตูหลังคนขับเข้าไปในรถและมีการต่อสู้กันภายในรถ โดยคนตายพยายามจะดิ้นรนและจะเปิดแตรรถให้คนอื่นได้ยิน แต่ตนได้ล๊อคคอและบีบคอคนตายไว้ ทำให้มือคนตายไปคว้าพระเครื่องที่ห้อยอยู่หน้ารถกำอยู่ในมือ จากนั้นผู้ตายแน่นิ่ง เลยผลักคนตายไปที่เบาะคนนั่งแล้วอ้อมมานั่งที่เบาะคนขับนำเสื่อที่อยู่ในรถมาปิดบังศพไว้ แล้วปลดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทที่ผู้ตายใส่อยู่ที่คอ แล้วขับรถผู้ตายออกจากห้างฯมาจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านร้างภายในหมู่บ้านฯพื้น ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ตเพื่ออำพราง 

จากนั้นได้เรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างออกจากหมู่บ้านเพื่อมาขายสร้อยคอทองคำที่ร้านทองภายในห้างฯนั้นอีกครั้ง ได้เงิน 43,000 บาทนำเงินไปใช้หนี้จนหมด และขับรถกระบะกลับไป อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อมาวันที่ 8 พ.ย.68 ได้ขับรถกระบะกลับมายัง จ.ภูเก็ต และทำงานรับจ้างเดินสายอินเตอร์เน็ตตามปกติ แต่จะแวะเวียนมาดูรถและศพของผู้ตายทุกวัน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวในที่สุด เบื้องต้นรับสารภาพได้ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีหนี้สินมาก จนกระทั่งมาพบกับผู้ตายภายในห้างโลตัสและก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากเห็นสร้อยคอทองคำที่ผู้ตายสวมใส่อยู่ จึงก่อเหตุ จากนั้นได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตแจ้งข้อหาฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่น