วันที่ 24 พ.ย.68 เวลา 09.00 น. ศูนย์วิทยุ 191 อุดรธานีได้รับแจ้งเหตุชายมีอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ภายในปั๊มน้ำมัน PTT Station สาขาถนนรอบเมือง (แยกบ้านหนองใส) สร้างความแตกตื่นให้กับพนักงานและประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองอุดรธานี จึงรีบรุดไปตรวจสอบและระงับเหตุทันที เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบชายไทยหนึ่งราย ทราบชื่อภายหลังคือ นายเบิร์ด อายุ 40 ปี กำลังตะโกนโวยวายและมีอาการคุมสติไม่อยู่ ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวด้วยยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ก่อนวิทยุเรียกกำลังเสริมช่วยนำตัวกลับไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ระหว่างถูกควบคุมตัว นายเบิร์ดยังคงขัดขืนพร้อมตะโกนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ และอ้างว่าตนเพียงต้องการซื้อน้ำมันไปเติมเครื่องตัดหญ้าให้หัวหน้างานที่กำลังรออยู่ที่วัด

นางอุ้ม อายุ 44 ปี พนักงานหน้าลานจ่ายน้ำมัน เล่าว่า นายเบิร์ดขี่รถเข้ามาพร้อมแกลลอนที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของสถานีบริการ ทำให้ต้องปฏิเสธการให้บริการตามระเบียบ แต่กลับถูกต่อว่าด้วยความไม่พอใจติดต่อกันถึงสองครั้ง ด้วยความหวั่นเกรงว่าสถานการณ์จะบานปลาย นางอุ้มจึงยอมเติมน้ำมันให้เพื่อให้เรื่องสงบ ก่อนรีบโทรแจ้งตำรวจเมื่อเห็นว่านายเบิร์ดยังมีท่าทีเดือดดาลด่าไม่หยุด แต่บางคำฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาด่าอะไรเหมือนคนหลอนยา

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่านายเบิร์ดมีประวัติรักษาและรับยาด้านจิตเวช เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ที่โรงพักเพื่อความปลอดภัย พร้อมประสาน สจ.ศรนรินทร์ สมาชิกสภา อบจ. ในพื้นที่ ช่วยติดตามญาติมารับตัวกลับไปดูแลต่อไป

ทั้งนี้พนักงานปั๊มน้ำมันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝากเตือนประชาชนที่ซื้อน้ำมันกลับบ้านให้ใช้ภาชนะที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎความปลอดภัยของสถานีบริการ เพื่อป้องกันอันตรายและให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมขอให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานีบริการอย่างเคร่งครัด     

นายศรนรินทร์ วงศ์อนุ สจ.บอกว่า นายเบิร์ด มีประวัติป่วยทางจิตเวชมานาน รับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา แต่ก็อาจจะหันไปเสพยาอีกจนบางครั้งคลั่งและหลอนไปทั่วจะได้กำชับให้ญาติกินยาตามหมอนัด ส่วนญาติเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่เคยพาไปอยู่ที่วัดเพื่อปฏิบัติธรรม หวังช่วยให้อาการดีขึ้น ซึ่งระหว่างอยู่ที่วัดเจ้าตัวก็มีพฤติกรรมเป็นปกติ ไม่พบความรุนแรงหรือพฤติกรรมเสี่ยงใด ๆ ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในชุมชน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้คาดว่าเกิดจากอาการป่วยกำเริบ เจ้าหน้าที่จึงต้องควบคุมตัวไว้เพื่อความปลอดภัย และประสานญาติให้มาดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป