วันที่ 22 ธ.ค.68 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พศวีร์ เรืองภู่ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สันทัด ลยางกูร รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวขม ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.โชคชัย ไทยเจริญ รอง ผกก.จร.สภ.เมืองกาญจนบุรี นำกำลังโดยให้ พ.ต.ท.เมธี บัวซ้อน สว.จร สภ.เมืองกาญจนบุรี ควบคุมการฏิบัติ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ทศพล  มีทรัพย์มาก รอง สว.จร.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังจราจร 12 นาย ร่วมเมือง 20 สายตรวจรถยนต์รถจักรยานยนต์ ร่วมตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและป้องกันการขนยาเสพติด ลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวและอาวุธปืน บนถนนสายบายพาสเลี่ยงเมือง หมู่ 11 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 

ต่อมาได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ในลักษณะบรรทุกหนักขับเข้ามาในด่านตรวจจึงสั่งให้หยุดและตรวจสอบพบคนขับคือ นายเทพสิทธิ์ อายุ 33 ปี ชาวกาญจนบุรี ภายในรถพบผู้หญิงนั่งอัดเบียดกันมา 9 คน จึงให้จอดชิดริมถนนทำการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาสาว ไม่พบเอกสารประจำตัว จึงควบคุมตัวคนขับไว้สอบสวน

ต่อมา พล.ต.ต.พศวีร์ เรืองภู่ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เดินทางมายังที่ด่านตรวจสอบรถเก๋ง และสอบสวนเบื้องต้น คนขับขี่รับสารภาพอ้างว่า ได้รับการติดต่อจากนายมิวมิว ไม่ทราบนามสกุล ชาวเมียนมา ให้ไปรับต่างด้าวทั้ง 9 คนนี้มาจากชายแดนช่องทางธรรมชาติ ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ให้นำมาส่งในตัวเมืองกาญจนบุรี ไม่ทราบจุดมาถึงจะมีคนมารับต่ออีกทอดหนึ่ง โดยได้ค่าจ้างคนละ 3,000 บาท และตรวจสอบรถพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนปลอม ตรวจสอบตัวถังรถไม่ตรงกับทะเบียนรถ ซื้อรถจากเพื่อนชาวเมียนมามา 60,000 บาท 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา นายเทพสิทธิ์ คนขับรถในข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยประการใดใดเพื่อให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายหรือให้ผลจากการจับกุม ใช้และแสดงเอกสารปลอม ส่วนแรงงานต่าวด้าว 9 คนในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวพร้อมของกลางส่งร้อยเวร สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการคดีตามกฏหมาย

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาคนขับรถรายนี้ สอบปากคำได้ข้อมูลว่าเคยถูกจับครั้งแรกขนแรงงานต่างด้าว ศาลลงโทษจำคุก 4 เดือน พ้นโทษออกมาโดนจับขนแรงงานต่างด้าวอีก ศาลลงโทษจำคุก 3 เดือนแต่ยื่นอุทรณ์สู้คดี แล้วออกมาใช้รถเก๋งคันนี้ขนแรงงานต่างด้าวไปแล้ว 2 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 ถูกจับกุมวันนี้ ส่วนป้ายทะเบียนปลอมทำขึ้นมามีลักษณะตรงกับคันที่ใช้ทะเบียนจริง หากไม่ตรวจสอบเลขเครื่องกับครัทซีจะไม่ทราบว่าเป็นรถเถื่อน