เศรษฐกิจ
เอสซีจี ย้อนเส้นทางสานต่อศาสตร์พระราชา
วันพุธ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561, 15.57 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เอสซีจี ย้อนเส้นทางสานต่ อศาสตร์พระราชา
ย้อนเส้นทางสานต่อศาสตร์พระราชา ผ่านโครงการ “รักษ์น้ำ จากภูผาสู่มหานที” โดยเอสซีจีผลสัมฤทธิ์แห่งการส่
“เพราะน้ำคือชีวิตของทุกสรรพสิ่ ง ที่ใดมีน้ำที่นั่นย่อมมีชีวิต.. .” เอสซีจี จึงได้เดินอยู่บนเส้นทางแห่ งการบริหารจัดการน้ำร่วมกับชุ มชนและภาคีเครือข่ายมากว่า 10 ปี จุดเริ่มต้นเส้นทางสู่ความยั่ งยืนด้านสิ่งเเวดล้อม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่
เอสซีจี ได้น้อมนำเเนวพระราชดำริ 'จากภูผาสู่มหานที' ผสานเเนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาต่อยอดโครงการ “รักษ์น้ำเพื่ออนาคต” ที่ดำเนินมากว่า 10 ปี ด้วยโครงการ “รักษ์น้ำจากภูผาสู่มหานที” ในปี 2561 เพื่อขยายผลการดูแลจัดการน้ำให้ เหมาะสมกับเเต่ละพื้นที่ สร้างต้นน้ำที่ดี กลางน้ำที่สมบูรณ์ สู่ปลายน้ำที่ยั่งยืน ผ่านกระบวนการสร้างการมีส่วนร่ วมกับชุมชน ให้เข้าใจการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ตนเองอย่างแท้จริง ตลอดจนเดินหน้าสร้างความร่วมมื อกับหน่วยงานภาครัฐในท้องถิ่น จิตอาสา เเละพนักงาน เพื่อสร้างพลังเเละเชื่อมความรู้ การจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ
“ฝายชะลอน้ำ” ต้นแบบการพลิกฟื้นพื้นที่ต้นน้ำ
เริ่มต้นจากพื้นที่ต้นน้ำ อ.เเม่ทะ จ.ลำปาง ต้นแบบการพลิกฟื้นพื้นที่ด้ วยการสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาน้ำแล้ งในฤดูเเล้ง น้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก เเละป้องกันไฟไหม้ป่า ก่อนขยายไปยังพื้นที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เมื่อฝายชะลอน้ำช่วยให้น้ำกลั บคืนมาสู่พื้นที่ จึงนำไปสู่การสร้างสระพวงเชิ งเขา วิธีการกักเก็บน้ำที่ใช้การเชื่ อมต่อสระน้ำเป็นพวง ทำให้มีน้ำเพียงพอสำหรั บทำการเกษตรในพื้นที่ไม่อุ้มน้ำ ชุมชนสามารถเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ พืชแบบใช้น้ำน้อย เช่น ฟักทอง บวบ ถั่วฝักยาว มะระขี้นก ได้มากถึง 7 ครั้งต่อปี เกิดรายได้รวมในชุมชนถึง 18 ล้านบาทต่อปี และยังใช้วิธีการกระจายน้ำในพื้ นราบด้วยระบบแก้มลิง ทำให้เกษตรกรนำน้ำไปใช้ในพื้นที่ กว่า 500 ไร่ สร้างรายได้กว่า 100,000 บาท / ครัวเรือน / ปี ช่วยให้ชุมชนมีแหล่งน้ำ สำรองในฤดูแล้งอีกประมาณ 134,000 ลบ.ม. สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่ างเต็มระบบและพัฒนาต่อยอดเป็ นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อสร้างอาชีพ เสริมรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยื น
ไม่เฉพาะภาคเหนือ แต่แนวคิดการสร้างฝายชะลอน้ำยั งได้ขยายผลสู่ ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่ชุมชน ภาคีเครือข่าย และเอสซีจี ได้ร่วมสร้างฝายเพื่อรักษาและฟื้ นฟูระบบนิเวศป่าต้นน้ำของลำน้ำ สาขาจากเทือกเขานครศรีธรรมราช อันเป็นต้นน้ำของลุ่มน้ำตรัง ขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งต่อแนวคิดไปสู่พื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ที่ประสบปัญหาพื้นที่แห้งแล้ งจากการแผ้วถางป่าสำหรับขยายพื้ นที่ทำกิน และหน้าดินที่ถูกชะล้างซึ่งสร้ างความเดือดร้อนให้ชุมชน ฝายชะลอน้ำจึงถูกนำไปใช้เป็ นเครื่องมือช่วยชะลอน้ำและฟื้ นคืนสภาพพื้นที่ให้เป็นแหล่ งอาหารและสร้างรายได้ให้กับชุ มชน
“ฝายช่วยคืนความสมดุลให้ป่า และป่ายังเปรียบเสมือนซุปเปอร์ มาเก็ตที่ชุมชนสามารถเข้ าไปหาของป่าสำหรับนำมาใช้ ทำอาหารให้ครอบครัวและแบ่ งขายสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าเพราะการที่ชุ มชนช่วยกันลงแรงร่วมใจกันสร้ างฝายชะลอน้ำ จะทำให้ชุมชนของเรามีโอกาสพูดคุ ย เข้าใจกัน และรักสามัคคีกันมากขึ้น” ผู้ใหญ่ครุฑ นายเต้นยิ้ว วชิรพันธ์วิชาญ ประธานป่าชุมชนบ้านบ้านยางโทน กล่าว
“แก้มลิง” กักเก็บน้ำในพื้นที่กลางน้ำ พลิกฟื้นพื้นที่ทำการเกษตร
สำหรับพื้นที่กลางน้ำ เอสซีจีได้ร่วมกับชุมชนป่าภูถ้ำ ภูกระแต อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ต้นแบบชุมชนบริหารจัดการน้ำ ตามแนวพระราชดำริ และมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขยายการดำเนินงานการบริหารจั ดการน้ำอย่างยั่งยืนสู่บ้ านโนนเขวา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น โดยจัดทำ “แก้มลิง” แหล่งสำรองน้ำจากการขุ ดลอกหนองน้ำเดิม เพื่อเชื่อมต่อจากแม่น้ำชีไปสู่ หนองน้ำในพื้นที่ ทำการเกษตรของชุมชน สำหรับเก็บกักน้ำ ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่ วมพื้นที่เกษตรได้กว่า 250 ไร่ อีกทั้งยังใช้เป็นแหล่งเลี้ ยงปลาเพิ่มรายได้ให้ชุมชนอย่ างน้อยปีละ 30,000 บาท และบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำอุ ปโภคในครัวเรือน
“บ้านปลาเอสซีจี” ผลสำเร็จในพื้นที่ปลายน้ำ
ทอดยาวไปยังพื้นที่ปลายน้ำ เอสซีจีได้นำท่อ PE100 ที่เหลือจากการขึ้นรูปสำหรั บทดสอบเม็ดพลาสติ กภายในโรงงานมาใช้ประกอบเป็นบ้ านปลา เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิ เวศชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก เพิ่มที่อยู่อาศัยและเป็นแหล่ งอนุบาลสัตว์ทะเลขนาดเล็ก คืนความสมบูรณ์สู่ท้องทะเลไทย โดยปัจจุบันได้วางบ้านปลาลงสู่ ใต้ท้องทะเลไปแล้ว 1,600 หลัง ใน จ.ระยอง ชลบุรี และจันทบุรี คิดเป็นพื้นที่อนุรักษ์ทรั พยากรทางทะเลกว่า 40 ตร.กม. เกิดความหลากหลายทางชี วภาพทางทะเลของสัตว์น้ำเศรษฐกิ จและปลาสวยงามกว่า 172 ชนิด
“หัวใจสำคั ญของโครงการตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา คือ ความเข้มแข็งของชุมชนประมงพื้ นบ้านที่ช่วยกันสร้างบ้านปลา และดูแลพื้นที่อนุรักษ์อย่างต่ อเนื่อง รวมถึงพลังของจิตอาสาที่ร่วมกิ จกรรมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุ บันกว่า 11,500 คน และขณะนี้ เอสซีจียังทดลองนำขยะพลาสติ กจากทะเล และชุมชนมาเข้าสู่กระบวนการรี ไซเคิลเพื่อนำมาผลิตเป็นท่ อสำหรับสร้างบ้านปลาตามแนวคิ ดเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย” นายชลณัฐ ญาณารณพ รองผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่ างยั่งยืน เอสซีจี กล่าว
นอกจากนี้ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ชาวประมงพื้นบ้านบ้านมดตะนอย ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งประสบปัญหาจากการไม่ สามารถออกหาปลาในทะเลช่วงมรสุ มได้ เมื่อจะใช้คลองที่อยู่ใกล้ชุ มชนเป็นที่ทำกินก็พบว่า ปลามีจำนวนน้อยเพราะขาดแหล่งที่ อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ เอสซีจีจึงเข้าไปร่วมกับชุมชนพั ฒนาแหล่งที่อยู่อาศัยใต้ทะเลที่ เหมาะสมกับพื้นที่ โดยนำนวัตกรรมปูนงานโครงสร้ างทนทานพิเศษ เอสซีจี มาหล่อเป็นบ้านปลาในลั กษณะวงกลมที่มีช่องขนาดหลากหลาย เพื่อให้ปลาสามารถว่ายผ่ านไปมาได้และสามารถใช้หลบภัยได้ เป็นอย่างดี รวมถึงการปลูกป่าโกงกาง และหญ้าทะเล สำหรับช่วยเหลือพะยูนและสัตว์ ทะเลใกล้สูญพันธุ์ด้วย
เสริมความแข็งแกร่งให้ชุมชนด้ วยนวัตกรรมเพื่อสังคม
ด้วยความเชี่ยวชาญของเอสซีจี เเละประสบการณ์ด้านการบริหารจั ดการน้ำร่วมกับชุมชนมาอย่างต่ อเนื่อง ทำให้เอสซีจีมองเห็นปัญหาที่เกิ ดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ จึงได้นำ "นวัตกรรมผ้าใบคอนกรีต" ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่ อสร้าง ที่ผสมผสานเทคโนโลยีซีเมนต์ เเละเทคโนโลยีสังเคราะห์ซึ่งมี ความเเข็งเเรงและปรับรูปแบบได้ ตามต้องการ มาใช้สร้างสระพวงสำหรับกักเก็ บน้ำที่บ้านสาแพะ จ.ลำปาง เพื่อแก้ปัญหาดินทรายไม่อุ้มน้ำ
นอกจากนั้น ยังได้มีการใช้ “นวัตกรรมปูนงานโครงสร้ างทนทานพิเศษ เอสซีจี” ที่ทนซัลเฟตและคลอไรด์ในน้ำ ทะเลได้นานกว่าปูนธรรมดา มาหล่อเป็นบ้านปลาสำหรับเป็ นแหล่งพักพิงของสัตว์ทะเลในพื้ นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับการรับรองความปลอดภั ยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังแข็งแรงทนทาน ไม่มีส่วนประกอบที่สามารถแตกหั กเสียหายกลายเป็นขยะใต้น้ำได้
ขณะเดียวกันก็ได้นำ "นวัตกรรมบ้านปลาจากท่อ PE100" ที่เป็นวัสดุเหลือใช้ จากกระบวนการผลิตเม็ดพลาสติ กของธุรกิจเคมิคอลส์ ซึ่งได้รับการรับรองความปลอดภั ยในการขนส่งน้ำ มาออกแบบสร้างเป็นแหล่งอนุบาลสั ตว์ทะเลในพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งพบปัญหาจำนวนปลาใกล้ชายฝั่ งลดน้อยลง
เครือข่ายพลังคนรุ่นใหม่ จิตอาสาเพื่อความยั่งยืน
ทุกๆ กิจกรรมที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี 2561 ไม่เพียงแต่จะมีชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และพนักงานเอสซีจี ร่วมเป็นจิตอาสาสร้างฝายชะลอน้ำ และประกอบบ้านปลาเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่ม Young รักษ์น้ำ ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากหลากหลายสถาบันการศึกษากว่า 80 คน ร่วมเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ร่ วมกับเอสซีจีในทุกทริป เพื่อมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิ ดด้านการบริหารจัดการน้ำ และได้ลงมือทำกิจกรรมด้วยตัวเอง รวมทั้งได้ไปชมผลสำเร็จของบริ หารจัดการน้ำ ด้วยเชื่อว่าพลังจากคนรุ่นใหม่ จะช่วยสืบสาน รักษา และต่อยอดการบริหารจัดการน้ำอย่ างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริให้ คงอยู่สืบไป
“ไม่น่าเชื่อว่า การเริ่มต้นทำฝายจากจุดเล็กๆ ด้วยหัวใจของพี่ๆ ในชุมชน และแรงของเพื่อนๆ นักศึกษาจิตอาสา กลับส่งผลให้ป่าทั้งป่ากลับมาอุ ดมสมบูรณ์ได้อีกครั้ง นึกภาพไม่ออกเลยว่าพื้นที่ที่ เคยแห้งแล้งและมีปัญหาน้ำท่ วมเป็นอย่างไร ถ้าครั้งหน้ามีกิจกรรมนี้อีก จะขอเป็นอีกหนึ่งแรงที่ลงมือช่ วยเพื่อประเทศไทยของเรา” นางสาวช่อผกา พจนาสุคนธ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง หนึ่งในเยาวชนจิตอาสาคนรุ่นใหม่ Young รักษ์น้ำ
ก้าวต่อไปของ “รักษ์น้ำ จากภูผาสู่มหานที”
เอสซีจีจะยังคงเดินหน้าสานต่ อโครงการ “รักษ์น้ำ จากภูผาสู่มหานที” ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ให้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ภายในปี 2020 ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับชุ มชนและจิตอาสา สร้างฝายชะลอน้ำไปแล้วกว่า 83,200 ฝาย และจะขยายการสร้างฝายในพื้นที่ ต้นน้ำให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่ วประเทศให้ครบ 100,000 ฝาย ขุดสระพวงเชิงเขาส่งต่อน้ำเพื่ อทำการเกษตรไปแล้ว 7 สระ โดยมีเป้าหมายจะขุดสระพวงให้ครบ 20 สระ และจัดทำระบบแก้มลิงในพื้นที่ กลางน้ำไปแล้ว 8 พื้นที่ โดยตั้งเป้าหมายจะทำให้ครบ 20 พื้นที่ รวมถึงวางบ้านปลาในพื้นที่ ปลายน้ำไปแล้ว 1,900 หลัง โดยตั้งเป้าหมายจะวางให้ครบ 2,600 หลัง รวมทั้งเอสซีจีมีความตั้งใจที่ จะส่งเสริมชุมชนให้มี ความสามารถในการพัฒนาและแปรรู ปผลิตภัณฑ์จากผลผลิตในท้องถิ่ นเพื่อสร้างอาชีพและส่งเสริมให้ เกิดรายได้ตลอดทั้งปี โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอี ยดเพิ่มเติมได้ที่ www.scg.com/lovewater
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่