เศรษฐกิจ
“สมาชิกสหกรณ์ฯ จ.อุดรธานี ใช้ประโยชน์ที่ดินทำกินพื้นที่ คทช. ทำเกษตรผสมผสาน รวมตัวทำนาแบบประณีต เพิ่มผลผลิต สร้างความพอเพียงเลี้ยงตัวเอง”
วันศุกร์ ที่ 02 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 15.16 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
“สมาชิกสหกรณ์ฯ จ.อุดรธานี ใช้ประโยชน์ที่ดินทำกินพื้นที่ คทช. ทำเกษตรผสมผสาน
รวมตัวทำนาแบบประณีต เพิ่มผลผลิต สร้างความพอเพียงเลี้ยงตัวเอง”

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่อุดรธานีตามความคืบหน้ าการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินพื้ นที่ คทช. พร้อมชมการลงแขกดำนาปลูกข้ าวแบบประณีต ปรับเปลี่ยนการทำนาลดต้นทุ นการผลิต หากสำเร็จพร้อมขยายผลพื้นที่อื่ นด้วย
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี สุระศักดิ์ บุญชาญ สหกรณ์จังหวัดอุดรธานี และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ ยมแปลงเกษตรผสมผสานของ นายไชยยา อินทรถ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรโคกไผทป่ าไม้งาม จำกัด และได้เข้าร่วมโครงการการขั บเคลื่อนการประยุกต์ใช้หลักปรั ชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสหกรณ์/ กลุ่มเกษตรกรพื้นที่โครงการส่ งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร (คทช.) จังหวัดอุดรธานี ณ บ้านหว้าน ตำบลดอนกลอย อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี โดยมี นายไชยยา อินทรถ และสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่ วมโครงการ ให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ อธิบดีฯ ได้ให้กำลังใจและชื่นชมสมาชิ กสหกรณ์ที่มีแนวความคิ ดในการประยุกต์ใช้หลักปรั ชญาของเศรษฐกิจพอเพี ยงในการประกอบอาชีพโดยเน้นการพึ่ งพาตนเอง การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิ ตและลดต้นทุนการผลิตข้าว โดยการทำนาแบบประณีต และอยากเน้นย้ำให้สมาชิกรั กษาและใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกิน พัฒนาอาชีพ สร้างรายได้เพื่อเลี้ยงครอบครัว และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้ อธิบดีฯ ได้มอบปัจจัยการผลิต ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เมล็ดพันธุ์ผัก รวมถึงสมุดบันทึกบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุน ให้กับตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ที่เข้ าร่วมโครงการ
จากนั้น อธิบดีฯ และคณะ ตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรของนายไชยยา อินทรถ มีพื้นที่ทำการเกษตร 20 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ ปลูกผัก เลี้ยงไก่ ปลูกไม้ยืนต้น ทำให้มีรายได้จากการขายผลผลิ ตทางการเกษตรปีละ 1 แสนบาท โดยได้กู้ยืมเงินจากสหกรณ์ฯ เพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ปีละ 30,000 บาท ซึ่งสามารถส่งชำระคืนเงินกู้ได้ ตามกำหนด

นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมแปลงนา และชมกิจกรรมลงแขกดำนา “ปลูกข้าวแบบประณีต ลดการใช้ทรัพยากรเพิ่มผลผลิต มีความพอเพียง เลี้ยงตัวเองได้” ในพื้นที่ คทช. ซึ่งนายไชยยา ได้แบ่งพื้นที่ทำนา จำนวน 3 ไร่ ซึ่งแต่เดิมทำนาแบบนาหว่าน ซึ่งต้องใช้ต้นทุนค่อนข้างสู งเฉลี่ยไร่ละ 2,500 – 3,000 บาท จึงมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนวิ ธีการทำนาแบบดั้งเดิม หรือนาหว่านมาทำนาแบบประณีต เพื่อลดต้นการผลิต ได้ชักชวนเพื่อนสมาชิกที่มี ความสมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ จะต้องมีการทำนาทั้งแบบดั้งเดิ มและแบบประณีต เพื่อเปรียบเทียบ ผลผลิต รายได้ ค่าใช้จ่าย มีการบันทึกบัญชีฟาร์ม เน้นการปักดำโดยการใช้ต้นกล้ ากอเดียว งดการใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทน มีกิจกรรมลงแขก ประชุมกลุ่มหมุนเวียนเพื่ อแลกเปลี่ยนความรู้ มีการปลูกพืชหลังนาเพื่อบำรุงดิ น ปลูกแหนแดง มีการเลี้ยงปลาในนาข้าว มีการปลูกพืชผักสวนครัวตามคั นนา ซึ่งมีสมาชิกสมัครใจเข้าร่ วมโครงการ จำนวน 5 ราย มีเนื้อที่ทำนาร่วมกัน 29 ไร่ โดยจะแบ่งพื้นที่ทำนาแบบประณีต คนละอย่างน้อย 1 - 3 ไร่ รวมเป็นพื้นที่ทำนาแบบประณีต 7 ไร่ โดยตั้งเป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ ายในการทำนาลงให้ได้ไร่ละ 1,500 - 2,000 บาท/ไร่ ผลผลิตข้าวได้รับการรับรอง GAP มุ่งสู่ข้าวอินทรีย์ 1 ไร่/ราย

“ในพื้นที่อำเภอพิบูลย์รักษ์ เป็นพื้นที่ คทช. ที่รัฐบาลจัดสรรพื้นที่ให้กับพี่ น้องที่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ได้ทำกินในพื้นที่ ซึ่งมีหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เข้ามาส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่ สมาชิก โดยใช้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิ จพอเพียงมาขับเคลื่อนในพื้นที่ โดยให้เกษตรกรปลูกพื ชแบบหลากหลาย ใช้แนวทางของเกษตรอินทรีย์ มาทำในพื้นที่ เช่นวันนี้ที่ได้ลงพื้นที่ ของสมาชิกซึ่งได้ทำการเกษตรที่ หลากหลาย มีแหล่งน้ำต้นทุนใช้ในการปลูกพื ชเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการทำประมงในพื้นที่ วัตถุประสงค์หลักคือให้ เกษตรกรมีอาหารรับประทานครบทุ กมื้อ ถ้ามีเหลือก็นำไปขาย และเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อที่ จะขยายผลให้กับสมาชิกสหกรณ์ในพื้ นที่ คทช. ในส่วนการทำนาแบบประณีต มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสหกรณ์ จังหวัดร่วมกับกรมการข้าว สำนักงานเกษตรจังหวัด ได้เข้ามาแนะนำให้สมาชิ กทำนาแบบประณีต
ใช้ต้นกล้าจำนวนน้อย ซึ่งแตกต่างจากการทำนาแบบหว่ านที่ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ค่อนข้ างมาก การทำนาแบบประณีตจะลดต้นทุนเรื่ องเมล็ดพันธุ์ลง และลดค่าใช้จ่ายโดยใช้ปุ๋ยอิ นทรีย์ปุ๋ยหมักที่ได้ทำเอง รวมถึงการเลี้ยงแหนแดงในนาเพื่ อให้เป็นแหล่งสร้างปุ๋ยในนา นอกจากนี้ ยังมีการเลี้ยงปลาในนา ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดเข้ ามาร่วมส่งเสริมทำให้ได้ผลผลิ ตทั้งข้าวและปลา ซึ่งผลผลิตสองชนิดนี้มากกว่ าการทำนาเพียงอย่างเดียว รายได้ของสมาชิกเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายลดลง” นายวิศิษฐ์ กล่าว
นายวิศิษฐ์ ยังกล่าวต่อว่า ในภาพรวมการใช้พื้นที่ คทช. ในจังหวัดอุดรธานี มีทั้งหมด 6 แปลง จัดตั้งเป็นสหกรณ์แล้ว 1 แปลง มีสมาชิกประมาณ200 กว่าราย ถ้าการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ คทช. แปลงนี้เห็นผล จะขยายไปพื้นที่อื่นด้วย เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมอาชี พแก่สมาชิก ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่ม ให้องค์ความรู้ เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้สมาชิกใช้พื้นที่ที่รั ฐบาลมอบให้เกิดประโยชน์มากที่สุ ด ให้คนอยู่กับพื้นที่ป่าได้ แล้วสร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่ายและไม่รุกที่พื้นที่ อื่นเพิ่ม เป็นการจัดพื้นที่ให้พี่น้ องประชาชนได้ทำกินตรงในพื้นที่ ที่เคยอยู่อาศัย โดยต้องอาศัยความร่วมมื อของภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่ เข้าไปสนับสนุนความรู้ด้ านการผลิต ส่งเสริมด้านการตลาด จะช่วยให้สมาชิกมีรายได้ที่ดีขึ้ น

สหกรณ์การเกษตรโคกไผทป่าไม้งาม จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ปัจจุบันมีสมาชิก 289 คน ธุรกิจหลักของสหกรณ์ คือ ธุรกิจสินเชื่อ มีทุนดำเนินงาน 864,362 บาท สหกรณ์แห่งนี้เป็นสหกรณ์ระดั บอำเภอ และเป็นสหกรณ์ที่อยู่ ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชี พเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิ นของเกษตรกร ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ทั้งนี้ สหกรณ์มีแผนงานและโครงการพั ฒนาศักยภาพของสหกรณ์ในการดำเนิ นธุรกิจวางแผนระบบการผลิต การตลาด และทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ส่งเสริมการรวมกลุ่มในพื้นที่จั ดที่ดินทำกินให้ชุมชนในรู ปแบบสหกรณ์ ส่งเสริมพัฒนาอาชี พและการตลาดในรูปแบบเศรษฐกิจชุ มชน ส่งเสริมให้สมาชิกมีรายได้เพิ่ มขึ้นให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ตลอดจนส่งเสริมการเลี้ ยงปลาตะเพียน เพื่อส่งเป็นวัตถุดิบผลิตปลาส้ มออกจำหน่าย โดยสร้างแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ให้ เป็นที่รู้จัก เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มี ความอยู่ดี กินดี มีสันติสุข และสร้างความเข้มแข็งในชุมชนต่ อไป
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่







