วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 09:28 น.

เศรษฐกิจ

กทพ.เปิดเวทีศึกษาความเหมาะสม โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 ทดแทนN1

วันเสาร์ ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 17.47 น.

กทพ.เปิดเวทีศึกษาความเหมาะสม โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 ทดแทนN1

 

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 (สรุปผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทน ตอน N1 ว่าโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทน ตอน N1 เป็นโครงการระบบทางพิเศษที่เป็นรูปแบบโครงสร้างอุโมงค์เป็นหลัก มีจุดเริ่มต้นบริเวณจุดตัดระหว่างทางพิเศษศรีรัช-ถนนงามวงศ์วาน และสิ้นสุดที่ถนนประเสริฐมนูกิจ โดยเชื่อมต่อกับโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 บริเวณแยกสุคนธสวัสดิ์ ระยะทางรวม 10.55 กิโลเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 เพื่อนำเสนอผลการคัดเลือกแนวสายทางที่เหมาะสม


สำหรับสรุปผลการศึกษาของโครงการ โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ดีเคด คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้นำเสนอ ผลการศึกษาด้านวิศวกรรมและการออกแบบเบื้องต้นของโครงการ ผลการศึกษาด้านเศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชน ผู้มีส่วนได้เสีย มีความเข้าใจ และมั่นใจต่อโครงการ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่อผลการศึกษาของโครงการ เพื่อนำไปปรับปรุง และพัฒนาโครงการให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อพิจารณาต่อไป

 

นายสุรเชษฐ์  กล่าวว่า ตามที่มีประชาชนบางส่วนแสดงความกังวล และห่วงใยต่อดำเนินโครงการทางพิเศษสายนี้ และอยากให้ กทพ. พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกโครงการ ฯ นั้น กทพ. ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะยกเลิก โครงการนี้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาจากอีกหลายหน่วยงาน และต้องเสนอให้กระทรวงคมนาคม รวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาจราจร และช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น รวมถึงช่วยลดระยะเวลาการเดินทางเชื่อมโยงจากฝั่งตะวันออก และตะวันตกได้ประมาณ 30 นาที