วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 18:12 น.

การศึกษา

“ดับไฟในใจคน” กุญแจสู่ความสำเร็จในการรักษาป่าของชุมชนบ้านแม่ขมิง

วันอาทิตย์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563, 15.43 น.
“ดับไฟในใจคน” กุญแจสู่ความสำเร็จในการรักษาป่าของชุมชนบ้านแม่ขมิง
 
 
 
สถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นควันยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกกล่าวขวัญในระดับประเทศและระดับนานาชาติ แม้ว่าการเกิดปรากฏการณ์ไฟป่าเป็นวัฎจักรตามธรรมชาติ แต่ยังสามารถควบคุมจากการคาดเดาจุดเกิดเหตุและช่วงเวลาที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งได้ ทว่า ไฟป่าที่เกิดจากมนุษย์นั้นยากต่อการควบคุม และไม่อาจคาดการณ์สถานที่หรือช่วงเวลาได้ แต่การให้ชุมชนป้องกันป่า สามารถตอบโจทย์และลดทอนปัญหาข้างต้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
 
ป่าชุมชนบ้านแม่ขมิง อ.วังชิ้น จ.แพร่ เป็นตัวอย่างเชิงประจักษ์ที่ชุมชนร่วมมือกันอย่างแข็งขันปกป้องและดูแลผืนป่าชุมชน การสร้างพลังชุมชนของบ้านแม่ขมิงเริ่มจากการน้อมนำศาสตร์พระราชา “ปลูกป่าในใจคน” หล่อหลอมคนในชุมชนมองเห็นคุณค่าของป่า ส่งผลให้การบุกรุกแผ้วถางป่าค่อยๆ ลดลงจนหมดไปจากพื้นที่ ขณะที่การดูแลรักษาและฟื้นฟูป่าของชุมชนเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นๆ จนปัจจุบันกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและเป็นต้นแบบในการจัดการป่าอย่างยั่งยืน และเป็นแกนนำที่ร่วมกับภาครัฐในการปลูกป่าในใจคนด้วย
 
 
นางบุญทิวา ด่านศมสถิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารองค์กร บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ที่บริษัทฯ ริเริ่มและดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 ได้ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป้าหมาย 15 ข้อ 15.2 ในการส่งเสริมการบริหารจัดการป่าไม้ทุกประเภทอย่างยั่งยืน หยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า ฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรม และเพิ่มการปลูกป่าและฟื้นฟูป่า ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของโครงการนี้ บริษัท เชื่อว่า ป่าชุมชนเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนการอนุรักษ์ป่าจนสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าของประเทศได้
 
“ป่าชุมชนบ้านแม่ขมิง ได้รับรางวัลชนะเลิศดีเด่นด้านสืบสาน รักษา และต่อยอด สร้างสุขปวงประชา จากโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2562 ป่าแห่งนี้ได้น้อมนำและสืบสานศาสตร์พระราชาในการพัฒนา รักษา และฟื้นฟูป่าบ้านแม่ขมิงจนอุดมสมบูรณ์กลายเป็นแหล่งผลิตน้ำและอาหารหล่อเลี้ยงคนในชุมชนและทั้งจังหวัดแพร่มาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีความเข้มแข็งในการป้องกันการบุกรุกทำลายป่าของคนและไฟป่าได้อย่างยอดเยี่ยม บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่า ตลอดจนระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพให้มีความยั่งยืน โครงการนี้จะยังคงดำเนินต่อไปเพื่อส่งเสริมชุมชนและขยายผลให้สังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ ซึ่งเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน และภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
 
นายอัจฉริยะพงษ์ ปันฟอง ประธานป่าชุมชนบ้านแม่ขมิง บอกเล่าถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการป่าของป่าชุมชนบ้านแม่ขมิง ว่า ความสามัคคีและทีมงานที่เข้มแข็งเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ ที่นี่แม้แต่เยาวชนก็มีส่วนร่วมในการดูแลป่าชุมชน  มีการสร้างแนวกันไฟ, สร้างฝาย, ปลูกป่าเสริมเป็นประจำ โดยชุมชนตกลงร่วมกันว่าทุกครัวเรือนต้องส่งตัวแทนมาร่วมกิจกรรมของชุมชนทุกครั้ง ชาวบ้านแม่ขมิง รวมทั้งเยาวชนจึงถูกปลูกฝังและเกิดการตระหนักรู้ว่าการดูแลป่าเป็นหน้าที่ของเราทุกคน
 
“พื้นที่นี้แต่เดิมมีปัญหาดินโคลนถล่มเพราะมีการตัดไม้ทำลายป่า เกิดไฟป่า มีแต่ความแห้งแล้งไม่มาสามรถทำการเกษตรได้ ชุมนจึงร่วมกันนำแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทาง โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าคนในชุมชนต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เช่น ร่วมกันทำแนวกันไฟ สร้างฝายชะลอน้ำ กันตะกอนไหลลงอ่างเก็บน้ำ หรือการใช้ระบบท่อ นำน้ำจากภูเขามาสะสมไว้ในอ่างเก็บน้ำของชุมชน  จนปัจจุบันในเขตชุมชนสามารถมีน้ำอุปโภคบริโภคได้ตลอดหน้าแล้ง  ไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำเหมือนเมื่อก่อน  นอกจากนี้ยังจัดทำธนาคารใบไม้ เพื่อลดการเผาในชุมชนและลดจำนวนเชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย เช่น ใบไม้, กิ่งไม้ และนำมาสร้างประโยชน์ด้วยการหมักกับมูลวัวที่หาได้ทั่วไปในท้องถิ่นผสมกับเชื้อจุลินทรีย์ ให้เป็นปุ๋ยชีวภาพใช้ในการเกษตรของคนในชุมชน เราหวังที่จะเป็นต้นแบบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรในอนาคต ทั้งเรื่องการจัดการป่า ปศุสัตว์ พลังงานทดแทน การบริหารจัดการน้ำ และการเกษตร”
 
นอกจากนี้ คณะกรรมการป่าชุมชนมีกุศโลบายในการสร้างป่า ด้วยการสร้างเครือข่ายขยายแนวร่วมในชุมชนใกล้เคียง โดยส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนที่เห็นผลเชิงประจักษ์ คือ การปลูกกาแฟ จนเกิดการก่อตั้ง เดอะ ปางงุ้น วัลเล่ย์ เป็นวิสาหกิจชุมชนใกล้เคียงที่มีเขตพื้นที่ติดต่อกับป่าชุมชนบ้านแม่ขมิง ที่ทั้งปลูกกาแฟ รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรจังหวัดแพร่ และยังเป็นศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้การปลูกกาแฟด้วย ในที่สุดไร่เลื่อนลอยได้พลิกฟื้นมาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้นและให้ร่มเงาฟูมฟักต้นกาแฟ
 
“เรามีหัวใจเดียวกัน เพราะเรามีผืนป่าเดียวกัน ไม่มีป่าเราก็อยู่ไม่ได้” นั่นหมายถึงไฟในใจของคนบ้านแม่ขมิงได้มอดสนิทแล้ว แต่ไฟและใจในการปกป้องรักษายังคงมีอย่างเต็มเปี่ยม
 
 
 
Email ข่าวการศึกษา เยาวชน ศิลปวัฒนธรรม  saowaporn@hotmail.com   และ  bat_mamsao@ yahoo.com

หน้าแรก » การศึกษา