วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๕ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร ขับเคลื่อนการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาดในเขตภาคกลาง เปิดเผยว่า หลักสูตรสันติศึกษาและวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมประชุมกับมูลนิธิต่อต้านการทุจริต โดยมีพระครูปลัดปัญญาวรวัฒน์ (หรรษา ธมฺมหาโส) ศาสตราจารย์ ดร. ประธานฝ่ายขับเคลื่อนการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาดและยุวนารีช่อสะอาด เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมเชิงป้องกัน แก้ไข เยียวยา รักษา ภายใต้รูปแบบของ ๔ สะอาด คือ กายสะอาด พฤติกรรมสะอาด จิตใจสะอาด และปัญญาสะอาด 

โดยทางมูลนิธิต่อต้านการทุจริตมี ดร.ประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. และคณะร่วมปรึกษาหารือหาเตรียมแนวทางขับเคลื่อนแบบลงการปฏิบัติในพื้นที่อย่างจริง ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ประกอบด้วย ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลาง  โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นพระสงฆ์และเยาวชนจากทั่วประเทศโดยใช้ฐาน ๔ สะอาด คือ กายสะอาด คือ รู้เรียนด้านสิ่งแวดล้อม ศาสตร์พระราชา โคกหนองนาโมเดล พฤติกรรมสะอาด คือ รู้เรียนทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยในชุมชน สร้างความสมานฉันท์ในชุมชนใช้ศีล ๕ เป็นฐานให้คนในชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  จิตใจสะอาด คือ เยียวยาจิตใจคนในชุมชนที่อยู่ในท่าน สถานการณ์ปัจจุบัน และปัญญาสะอาด คือ สร้างความตระหนักในการดำเนินชีวิตที่สุจริตเป็นฐาน 

โดยมุ่งพัฒนาและลงไปสู่การปฏิบัติสอดรับกับปธาน ๔ ในทางพระพุทธศาสนาคือ ป้องกันการทุจริต และแก้ไขการทุจริต ซึ่งจะมีการขยายผลสู่พระสงฆ์และเยาวชนอย่างแท้จริง มีการเตรียมการประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม ถือว่าเป็นการสร้างสุจริตวัฒนธรรม นอกจากพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาดยังมีการพัฒนายุวนารีช่อสะอาดในพื้นที่ของชุมชนผ่านการลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง ซึ่งมองถึงความกตัญญูต่อตนเอง ต่อบุคคล และต่อสถานที่ 

โดยหลักสูตรสันติศึกษาและวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมประชุมกับมูลนิธิต่อต้านการทุจริต โดยมีพระครูปลัดปัญญาวรวัฒน์ (หรรษา ธมฺมหาโส) ศ. ดร. ประธานฝ่ายขับเคลื่อนการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาดและยุวนารีช่อสะอาด จึงเตรียมขับเคลื่อนเชิงป้องกันการทุจริตภายใต้รูปแบบของ ๔ สะอาด คือ กายสะอาด พฤติกรรมสะอาด จิตใจสะอาด และปัญญาสะอาด ซึ่งเป็นรูปแบบของการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิต่อต้านการทุจริตเพื่อขับเคลื่อนไปทั่วประเทศในเชิงป้องกันต่อไป