วันศุกร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 10:38 น.

การศึกษา

รบ.อินเดียจัดถกปมหลีกเลี่ยงขัดแย้งที่ยูเอ็นไทย  ผู้บริหาร"มจร" ยกเคสภิกษุเมืองโกสัมพีหนุน

วันศุกร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 16.57 น.

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568  ศาสตราจารย์ดร. พระเมธีวัชรบัณฑิต (หรรษา ธมฺมหาโส) ป.ธ.6  เจ้าอาวาสวัดใหม่ (ยายแป้น) กรุงเทพมหานคร  ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า  รัฐบาลอินเดียจัดประชุม ประชุม SAMVAD ครั้งที่ 4 นำเสนอมุมมองและวิธีปฏิบัติ  Conflict Avoidance What it it, how to deal with & Buddhists's aspect การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับวิธีการจัดการ โดยได้รับนิมนต์รัฐบาลอินเดียไปนำเสนอมุมมองทางวิชาการและการปฏิบัติเกี่ยวกับประเด็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ณ หอประชุมสหประชาติ ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ  เพื่อสะท้อนว่า การหลีกเลี่ยงเป็นวิธีการแก้ปัญหาอีกรูปแบบหนึ่ง มิใช่การยอมแพ้ ไม่กล้ายอมรับความจริง หรือเป็นลูกเต๋าหดหัวอยู่ในกระดอง โดยมีพระพรหมสิทธิ ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 11 เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม   และพระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศ อินเดีย- เนปาล เข้าร่วมด้วย 


 
พระเมธีวัชรบัณฑิต กล่าวต่อว่า การหลีกหรือการถอยออกไปก่อน เป็นหลักการที่เรียกว่า  Go to the balcony หรือเป็นการออกไปยืนอยู่ที่ชายระเบียง ภายใต้การเจรจาหรือการเผชิญหน้ากับคู่ความ หรือคู่กรณีกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ตึงเครียด อันเกิดจากการยึดมั่นในจุดยืนของตนเองจนมองไม่เห็นประโยชน์ที่ตัวเอง คู่ความหรือคู่กรณีจะได้รับจากการหาทางออกจากการเจรจา

กระบวนการหลีกเลี่ยงประกอบด้วยการหายใจ การมีสติ ดูอารมณ์ จนจิดสงบนิ่ง เกิดควาปัญญา แล้วกลับมาพูดคุย หาทางเลือกที่เป็นไปได้ร่วมกัน เลือกทางที่ทั้งคู่คิดว่าดีที่สุด แล้วทำบันทึกข้อตกลง แล้วกลับมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเช่นเดิม

การจัดการความขัดแย้งโดยใช้วิธีหลีกเลี่ยงก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่พระพุทธเจ้าเคยเลือกนำมาใช้ในกรณีภิกษุเมืองโกสัมพีที่มีความขัดแย้งกันระหว่างพระวินัยธรและธรรมธร เกี่ยวกับการเหลือน้ำชำระล้างในขันน้ำหลังจากทำภารกิจส่วนตัวภายในห้งน้ำเสร็จว่าผิดวินัย แม้พระองค์จะแนะนำตักเตือนหลายรอบ แต่ทั้งสองกลุ่มก็ไม่ยินยอมจนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายในที่สุด


 
พระองค์เห็นว่า เมื่อสถานการณ์ไม่ดีขึ้น เพราะไม่ลดราวาศอกกัน จึงเสด็จไปจำพรรษาที่ป่าปาลิเลยยกะ โดยมีช้างและลิงทำหน้าที่อุปัฏฐาก ญาติโยมเมื่อทราบจึงไม่พากันใส่บาตรพระที่ทะเลาะกัน 


 
"จุดเด่นของการเลี่ยงของพระพุทธเจ้าทำให้คู่ความมีสติ อารมณ์เย็นขึ้น จนมีปัญญารู้ดีชั่ว หลังจากออกพรรษาจึงพากันไปกรสบพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี จนเป็นที่มาของคำว่า สังฆเสวนาเพื่อสันติภาพ ที่ทั้งคู่สามารถดับอารมณ์และหาทางออกร่วมกัน และอยู่ร่วมตามแนวทางของ  SAMVAD หรือสัมมาวาจา ที่เป็นประเด็นการจัดงานครั้งนี้" พระเมธีวัชรบัณฑิต กล่าว 

กัมพูชาเน้นย้ำนโยบาย Win-Win ในงานประชุม Samvad ครั้งที่ 4 

ขณะที่ผู้แทนกัมพูชาได้กล่าวในงานประชุมศาสนาโลกที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อวันนี้ โดยเน้นย้ำว่านโยบาย Win-Win ซึ่งยุติสงครามที่ยืดเยื้อในกัมพูชา มีรากฐานมาจากคำสอนทางจิตวิญญาณเกี่ยวกับการไม่ใช้ความรุนแรงและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในพุทธศาสนาและฮินดู จึงเป็นแบบอย่างที่แข็งแกร่งสำหรับการยุติข้อพิพาทในโลกสมัยใหม่

ในการกล่าวกับผู้เข้าร่วมงานจากหลายประเทศในงาน Samvad IV: the Global Hindu-Buddhist Initiative for Conflict Avoidance and Environmental Consciousness นายขีย์ โสวรตนา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ระบุว่า แนวคิดธรรมะ-ธัมมะ ซึ่งมีรากฐานมาจากปรัชญาฮินดูและพุทธศาสนา ได้ให้กรอบแนวคิดที่ยั่งยืนสำหรับการดำเนินชีวิตอย่างมีจริยธรรมและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

“ในยุคเอเชียแห่งธรรมะ-ธัมมะ เราได้รับการเรียกร้องให้บูรณาการคำสอนอันลึกซึ้งเหล่านี้เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ โดยตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างสรรพสิ่งและสิ่งแวดล้อม” เขากล่าว

“ยุคนี้เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนค่านิยมที่เน้นความเมตตา การไม่ใช้ความรุนแรง และคุณค่าที่แท้จริงของธรรมชาติ”

นายโสวรตนายังเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างสันติภาพและการพัฒนา โดยอธิบายว่า “หากไม่มีสันติภาพ การพัฒนาที่ยั่งยืนก็จะเป็นเพียงความฝันที่เลือนลาง และหากไม่มีการพัฒนา สันติภาพก็ไม่สามารถยั่งยืนได้”

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้แบ่งปันความสำเร็จของนโยบาย Win-Win ซึ่งริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ในการนำสันติภาพมาสู่กัมพูชา ประเทศที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ สงครามกลางเมือง และการทำลายล้างมาเป็นเวลานาน เขายังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งของนโยบายนี้กับแนวคิดการไม่ใช้ความรุนแรงในพุทธศาสนา

“นโยบาย Win-Win ซึ่งยุติสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ได้รับการยึดโยงด้วยหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การรับรองสิทธิในการมีชีวิตสำหรับทุกคน การสร้างโอกาสในการจ้างงานเพื่อการดำรงชีวิตที่เหมาะสม และการปกป้องทรัพย์สินของชาติ” เขากล่าว

ด้วยการมุ่งเน้นที่หลักการเหล่านี้ นโยบาย Win-Win ได้ส่งเสริมความเป็นเอกภาพและความปรองดองของชาติ ซึ่งบรรลุได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากภายนอก และวางรากฐานสำหรับสันติภาพและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา

นายโสวรตนายังเน้นย้ำถึงบทบาทของนโยบาย Win-Win ในการฟื้นฟูกัมพูชาหลังความขัดแย้ง และการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามอีกครั้งในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา

“ด้วยการส่งเสริมความเป็นเอกภาพของชาติ นโยบาย Win-Win ได้ช่วยให้กัมพูชาก้าวข้ามอดีตที่แบ่งแยก และสนับสนุนให้อดีตศัตรูร่วมมือกันในการสร้างประเทศขึ้นใหม่” เขากล่าว

“นอกจากนี้ ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคงซึ่งดึงดูดการลงทุนและความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาของกัมพูชา”

การประชุม SAMVAD ครั้งที่ 4 เริ่มขึ้นในวันนี้ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ภายใต้ธีม “ยุคเอเชียแห่งธรรมะ-ธัมมะ”

การประชุมระดับโลกนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 ถึง 17 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเทพฯ และกระบี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้นำทางการเมือง สังคม และศาสนา เพื่อหารือเกี่ยวกับสองประเด็นสำคัญที่คุกคามมนุษยชาติ ได้แก่ ความขัดแย้ง การเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่ตามมา งานนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Vivekananda International Foundation (VIF) จากอินเดีย ร่วมกับสถาบัน Bodhigaya Vijjalaya 980 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (MCU) และ International Buddhist Confederation India (IBC) โดยมีผู้นำศาสนาและผู้นำระดับชาติ เจ้าหน้าที่ระดับสูง และนักวิชาการจากอินเดีย ไทย ภูฏาน เนปาล ลาว และสหประชาชาติเข้าร่วมงาน

 

หน้าแรก » การศึกษา