วันที่ 3 เมษายน 2568 ด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีอนุญาตให้ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ภูภณัช รัตนชัย บรรณาธิการวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ไปยัง หมู่ที่ 3 (บ้านสองแพรกบน) ตำบลพลูเถื่อน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามคำขออนุญาตจากนายสมชาย เรืองอ่อน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ดังกล่าว เพื่อเก็บข้อมูลกรณีปัญหาการไม่มีไฟฟ้าใช้ในพื้นที่ โดยมี ดร.ธนสาร เดชนะ (นักวิชาการอิสระ) ลงพื้นที่ร่วมเก็บข้อมูล
    
การเดินทางในวันนี้ได้เริ่มจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ผ่านไปยังอำเภอพนม เข้าไปในพื้นที่ตำบลพลูเถื่อน หมู่ที่ 3 โดยพบกับนายสมชาย เรืองอ่อน ผู้ใหญ่บ้าน, นายภูริพัฒน์ รัตนชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน, นายอารมณ์ สำลี (ส.อบต.) นายน้อย รัตนชัย อดีตผู้ใหญ่บ้าน, นางชุติมา บุญคล้าย ราษฎรในพื้นที่ และนายธีรพงษ์ คชโสภณ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอพนม จากนั้นทุกคนจึงเดินทางไปยังพื้นที่บ้านสองแพรกบน ซึ่งมีระยะประมาณ 4 กิโลเมตร แต่เส้นทางนั้นเป็นถนนดินเลียบผ่านริมภูเขาที่พี่น้องชาวบ้านร่วมมือกันทำ การขับรถยนต์ในบางช่วงรถสวนทางกันไม่ได้ ต้องถอยหลังกลับเพื่อหาพื้นที่จอดหลบให้รถยนต์อีกคันหนึ่งผ่านไปก่อน และบางช่วงต้องขับผ่านลำธารที่ไหลผ่านถนน ดังนั้น การเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวให้เหมาะสมจึงต้องใช้รถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) ก่อนเข้าถึงพื้นที่ได้ผ่านที่พักสงฆ์อนัตตารามซึ่งมีพระภิกษุประจำอยู่เพียง 1 รูป สรุปการเดินทางในครั้งนี้ได้ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ซึ่งถือได้ว่าเป็นเส้นทางทุรกันดารพอสมควร เมื่อไปถึงพื้นที่ทำเห็นถึงสภาพความเป็นอยู่อย่างแท้จริง โดยส่วนใหญ่พี่น้องชาวบ้านได้ปลูกสวนทุเรียนและสวนปาล์มน้ำมัน และพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีพี่น้องชาวบ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ประมาณ 80 ครัวเรือน เมื่อได้ข้อมูลพอสมควรแล้วจึงรีบเดินทางกลับ เนื่องจากฝนใกล้จะตก หากล่าช้ากว่านี้น้ำจะท่วมเส้นทางที่มีลำธารไหลผ่านถนน อาจจะเดินทางกลับไม่ได้จนกว่าน้ำจะลดลง
    
ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ภูภณัช รัตนชัย กล่าวว่าการเข้าไปเก็บข้อมูลในครั้งนี้ ได้เห็นถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงกันของผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องชาวบ้านในชุมชน ทำให้การประสานงานในอนาคตเป็นไปได้สะดวกขึ้น โดยให้คำมั่นกับทุกคนในนามตัวแทนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีว่า ตนพร้อมกับคณะทำงานจะมุ่งมั่น ตั้งใจ แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างสุดความสามารถ โดยอาศัยระเบียบกฎหมายที่มี และพร้อมจะประสานขอความอนุเคราะห์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พี่น้องชาวบ้านได้รับสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญต่อไป