วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568 02:40 น.

การศึกษา

สิ่งที่เห็นและเป็นไป บนเวทีประชุมกรรมฐานโลก ณ ภูฏาน Bhutan Meditation Conference 2025

วันพฤหัสบดี ที่ 05 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 15.14 น.

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568   พระเมธีวัชรบัณฑิต,ศ.ดร.  ผู้รักษาการหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยระหว่างปฏิบัตศาสนกิจที่ประเทศภูฎานว่า  สิ่งที่เห็นและเป็นไป บนเวทีประชุมกรรมฐานโลก ณ ภูฏาน Bhutan Meditation Conference 2025

1: เข้าใจกรรมฐานให้ถูกต้อง 
คำว่า "Meditation" เรารับรู้โดยทั่วไปว่า  หมายถึงกรรมฐาน ส่วนคำว่า "Mindfulness" หมายถึง "สติ" กรรมฐาน หมายถึง "บาทฐานการทำงานทางจิต" ซึ่งประกอบด้วยสมถกรรมฐาน เครื่องมือหรือวิถีปฏิบัติที่มุ่งทำให้ใจสงบ  วิธีดังกล่าว คืออารมณ์กรรมฐาน 40 อย่าง เช่น พุทธานุสติ  และกสิณ 10 เป็นต้น และวิปัสสนากรรมฐาน เครื่องมือหรือวิธีการที่ทำให้กิเลสสงบ คือ มหาสติปัฏฐาน 

สติเป็นบาทฐานของกรรมฐานทั้งสองอย่าง  ผลที่เกิดจากการมีสติรู้ลึกรู้อยู่กับอารมณ์ต่างๆ จะทำให้เกิดสมาธิ การปฏิบัติสมถกรรมฐาน จะทำให้มีสมาธิแน่วแน่และตั้งมั่น เมื่อจิตมีสมาธิจนถึงขั้นอัปปนาสมาธิ มาเป็นฐานในการพิจารณารูปนามหรือกายใจจนเกิดปัญญารู้แจ้งธรรมะ เช่น ไตรลักษณ์ และปฏิจจสมุปบาทสมถกรรมฐานจึงเป็นบาทฐานสำคัญในการก้าวเดินสู่วิปัสสนากรรมฐาน  

ถึงกระนั้น ผู้ปฏิบัติตามแนวมหาสติปัฏฐานก็ต้องเดินด้วยสมถะก่อนเข้าสู่วิปัสสนา เช่นการอยู่กับลมหายใจ ความรู้สึก และความคิดให้ได้ก่อนที่จะพิจารณาสภาวะนั้นๆ จนเข้าใจและเป็นอสระจากรูปนามและกิเลสต่างๆ 

2: กรรมฐานไปไกลกว่าสติในชีวิตประจำวัน 
การปฏิบัติกรรมฐานนั้น ผู้ปฏิบัติจึงมิได้หยุดอยู่แค่การมีสติในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน เช่น การเรียนรู้อย่างมีสติ  การขับรถ การกิน พูด การคิด การฟัง การใช้ AI อย่างมีสติ หรือการใช้สติลดความเครียด และการกดดัน ชาวตะวันตกมักจะคุ้นเคยกับการนำสติไปใช้งานกับสิ่งเหล่านี้ ความจริง สติเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาสมาธิ และปัญญาเพื่อมุ่งสู่การดับทุกข์ในเรือนใจ เช่นเดียวกับการสร้างบ้านต้องอาศัยรากฐานที่แข็งแรงและคงทน ขาดสติหรือสติทรุด ย่มหมายถึงบ้านทั้งหลังย่อมทรุดลงในทึ่สุด

3: กรรมฐานของวัชรยานมักจะเดินด้วยสมถกรรมฐาน
โดยเริ่มจากการกราบแบบอัฏฐางคประดิษฐ์ การสวดมนต์เพื่อระลึกถึงศากยะมุนี เช่นกับเถรวาทที่หลายท่านมักจะมุ่งไปที่พุทธานุสติ แล้วเข้าสู่ธรรมานุสติ สิ่งที่ต่างกันชัดเจนคือ สายวัชรยายจะนำเครื่องดนตรีมาเล่นประกอบเพื่อนำเข้าสู่พิธีบ้าง ประกอบพร้อมกับเสียงสวดมนต์บ้าง รวมไปถึงการฝึกโยคะ ฝึกการบริหารลมหายใจอย่างมีสติ ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้ ก็จะนำไปสู่สมาธิและปัญญาเช่นเดียวกับเถรวาท เพียงแต่มีการปรับวืธีการให้เหมาะสมกับจริตของผู้ปฏิบัติ

4:วิธีการต่าง แต่เป้าหมายเดียว
การปฏิบัติกรรมฐานนั้น มีกระบวนการที่หลากหลาย และบอกไม่ได้เช่นกันว่า ใฃวิธีการแบบใดเป็นวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่บอกได้คือ คำว่าดีที่สุดนั้น ดีและเหมาะกับคนจริตแบบใดมากกว่า ด้วยเหตุที่ผู้ปฏิบัติมีจริตและพื้นฐานทางใจที่แตกต่างกัน การออกแบบวิธีการที่ดีและเหมาะกับแต่ละจริตก็มีความต่างกันไป 

ถึงกระนั้น ในความเป็นพุทธศาสนา ทุกนิกายก็มีเป้าหมายเดียวกันทั้งสิ้น ในขณะที่วัชรยานจะเรียกเป้าหมายสูงสุดว่า "สุญญตา" หรือ "Emtiness"  ตามแนวทางของท่านนาคารชุน ในขณะที่เถรวาทเรียกตามคัมภีร์พระไตรปิฏกว่า "นิพพาน"  ทั้งนี้ สองคำก็มีนัยเดียวกันแต่เรียกชื่อต่างกัน ดังบาลีว่า นิพพานัง ปรมัง สุญญัง แปลว่า นิพพานเป็นความอย่างยิ่ง อันหมายถึงการว่างจากกิเลส หรือว่างจากการยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นเขาเป็นเรา ซึ่งสอดรับกับคำว่า "อนัตตา" 

5: โลกวัชรยานสนใจวิถีของเถรวาท และการปฏิบัติวิปัสสนา
พระมหาเถระชาวภูฏาน รวมถึงชาววัชรยานทั่วโลกจำนวนไม่น้อย ที่ชื่นชมวิถีของเถรวาท เพราะมองว่า เถรวาทคือกลุ่มนิกายแบบพุทธดั้งเดิม หรือ Early Buddhism ที่ยังรักษาธรรมวินัยสืบต่อวิถีและแนวปฏิบัติจากพระพุทธเจ้ามาถึงการสังคายนา ครั้งที่ 1 พระมหากัสสปะ และเหล่าสาวก 500 รูป ยังคงรักษาธรรมวินัยดั้งเดิมเอาไว้ จนสืบต่อมาถึงคัมภีร์บาลีที่เป็นพระไตรปิฏกในยุคปัจจุบัน 

นอกจากนั้น นักปฏิบัติสายวัชรยายจำนวนมากที่สนใจแนวทางการปฏิบัติแบบวิปัสสนากรรมฐานตามแบบฉบับเถรวาทดั้งเดิม โดยการนำเอามหาสติปัฏฐานสูตรมาเป็นบาทฐานของการปฏิบัติ เพื่อมุ่งเข้าสู่การดับทุกข์ในเรือนใจอย่างยั้งยืน ฉะนั้น ทุกครั้งที่มีการนำเสนอบนเวทีวัชรยานโลก ทุกคนจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ อีกทั้งการเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ และพระผู้ใหญ่บางท่านสนใจถามถึงการบวชแบบเถรวาท ความภาคภูมิใจในจีวรแบบดั้งเดิม

ในขณะที่พระวัชรยานที่เป็นแกนหลักในการจัดประชุมบางท่านก็ชื่นชมปฏิปทาและแนวปฏิบัติของพระเถรวาทที่มีบุคคลิกเงียบขลึม นิ่งสงบ น่าเลื่อมใส อันเป็นภาพสะท้อนจากการปฏิบัติวิปัสสนา ในขณะดียวกัน ก็ห่วงใยพระเณรวัชรยานรุ่นใหม่ที่เน้นศึกษา วิพากษ์วิจารณ์ โต้เถียงคัมภีร์ในเชิงวิชาการ จนดูว่าไม่ค่อยสำรวม ก้าวร้าว เพราะหลงลืมวิถีแห่งการนำธรรมะลงสู่การปฏิบัติ

6:มายาคติเกี่ยวกับวิปัสสนา เป็นที่มาของการแลกเปลี่ยน
ชาววัชรยานบางท่านก็มีมุมมองยางอย่างที่ฟังสืบต่อกันมาเกี่ยวกับวิปัสสนาเช่นกัน โดยมีการพูดคุยและอธิบายกับมวลศิษย์ว่า วิปัสสนาคือการหนีโลก ไม่เหมาะที่คฤหัสถ์ผู้ครองเรือนจะนำมาปฏิบัติ เพราะทำให้หนีบ้าน หนีสังคม หนีครอบครัวไปปฏิบัติอยู่ในป่าเขา ความจริงที่พยายามอธิบายคือ วิปัสสนาคือเครื่องมือพัฒนาปัญญาบริสุทธิ์ จนเกิดความเป็นอิสระจากกายใจ อิสระจากโลก และวัตถุนิยม หมายความว่าว่า อยู่กับโลก ชุมชน สังคม ใช้สอยและบริโภควัตถุ และปัจจัยใช้สอยที่จำเป็น แต่ไม่ตกเป็นทาสของโลกธรรมหรือสิ่งเหล่านั้น

7:  วัชรยานเปิดโลก และใจกว้าง
ภายหลังที่เปิดประตูประเทศภูฏานมาเรียนรู้พุทธศาสนานิกายวัชรยานกับกัลยาณมิตรกลุ่มต่างๆ ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา กลับได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง นั่นคือ โลกวัชรยานนั้นร่วมสมัย ใส่ใจศึกษา และเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เปิดใจกว้าง รู้ร้อยรู้หนาวกับประเด็นที่โลกสนใจและใส่ใจ พร้อมจะลงไปพัวพัน (Engagement) 

ถึงแม้จะถูกต้องคำถามเรื่องวินัยและวิถีปฏิบัติว่าไปไกลจากพุทธแบบดั้งเดิมก็ตาม แต่นั้นก็ทำให้โลกตะวันตกโอบรับและสนองตอบพุทธแบบวัชรยานได้ง่ายกว่า นั่นคือเหตุผลว่า เพราะเหตุใด? โลกตะวันตกจึงหันมาศึกษา ทำวิจัย และถอดองค์ความรู้ต่างๆ ของวัชรยานไปศึกษา และเผยแผ่ในประเทศตะวันตกอย่างแพร่หลาย เมื่อเทียบกับโลกเถรวาทจะสะท้อนภาพลักษณ์ของวินัย นิ่งเงียบ ปลีกตัว และอยู่ในสังคมเถรวาทมากกว่าการเข้าไปเชือมโยงกับเครือข่ายต่างๆ

8:การปะทะสังสรรค์คือความอยู่รอดของวัชรยาน
ท่านดาไลลามะ ย้ำบนเวทีประชุม IBC ที่ประเทศอินเดียว่า จุดกำเนิดของวัชรยานคือ Nalanda Tradition หรือวิถีพระพุทธศาสนาแบบนาลันทา โดยได้นำฐานคิดของท่านนาคารชุน ผู้ก่อตั้งมาธยามิกะ และท่านอสังคะ ผู้ก่อตั้งโยคาจาร  หรือสำนัก Mind only และท่านจันทกีรติ ที่ขยายผลความคิดของท่านนาคารชุน  มาขยายผลเป็นหลักคิดและแนวปฏิบัติของวัชรยาน  จะเห็นว่าท่านนาคารชุน ท่านอสังคะ และท่านจันทกีรติ จะมีการปะทะสังสรรค์ทางความคิดกับนักคิดในยุคนาลันทาอย่างแพร่หลาย การปะทะสังสรรค์นั่นเอง เป็นที่มาของการสันดาป และตกผลึกผลึกเป็นชุดความรู้ในที่สุด

โลกวัชรยานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็เช่นกัน  ได้สร้างเวที และ Platform ต่างๆ ทั้งเวลาระดับชาติ และนานาชาติ ผ่านกลุ่มคนทั้งตะวันออกและวันตก ทั้งเถรวาท มหายาน และวัชรยาน ให้กลุ่มคนทั้งนักคิดและนักปฏิบัติมาปะทะสังสรรค์ เพื่อทวนสอบ สอบทาน  ทั้งหมดจึงไปสู่การสร้างความมั่นใจในฐานคิดของตัวเอง การท้าทายให้ผู้คนมาวิพากษ์สอบทาน เพื่ตัวเองจะได้ตอบให้สิ้นข้อสังสัย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใดโลกวัชรยาน แม้บางคนจะบอกว่าเป็นเนื้อเดียวกับมหายาน แต่วัชรยานกลับเป็นที่รู้จักของชาวโลกมากกว่า ดึงคนมาศึกษา และเรียนรู้มากกว่านิกายอื่นๆ
 

หน้าแรก » การศึกษา