วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 17:16 น.

การศึกษา

‘ประเสริฐ’ เผยผลสำเร็จ 1 ปี TZD ช่วยเด็กกลับคืนเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น ย้ำทุกหน่วยร่วมมือป้องกันเด็กหลุดจากระบบซ้ำ

วันจันทร์ ที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 18.18 น.

  ‘ประเสริฐ’ เผยผลสำเร็จ 1 ปี TZD ช่วยเด็กกลับคืนเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น ย้ำทุกหน่วยร่วมมือป้องกันเด็กหลุดจากระบบซ้ำ สร้างการศึกษายืดหยุ่น พร้อมกระตุ้น 77 จังหวัดเร่งค้นหาช่วยเหลือเยาวชน 

วันที่ 9 มิถุนายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยผลการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ ครั้งที่ 3/2568 ว่าที่ประชุมได้มีการรายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) หลังจากดำเนินงานมาแล้วหนึ่งปีมีเด็กและเยาวชนเข้าสู่ระบบการศึกษามากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันจำนวนเด็กและเยาวชนที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษาปี 2567 ทั้งสิ้น 880,463 คน จากเดิมที่มีจำนวนถึง 1,025,514 คนในเดือนธันวาคม 2566 
 
“ผมได้เห็นถึงความสำเร็จจากการลงพื้นที่ และได้มอบประกาศนียบัตรให้กับเด็กที่เข้าร่วมโครงการ เช่นที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผมได้ฟังความฝันของเด็กและโครงการนี้ได้ทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ซึ่งหมายถึงว่าโครงการนี้ได้เดินมาถูกทางแล้ว” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินการบรรลุเป้าหมายมากยิ้งขึ้น จึงได้มอบนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ การค้นหาติดตามช่วยเหลือเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษายังคงต้องดำเนินต่อ ล่าสุดได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดครบถ้วน ทั้ง 77 จังหวัดแล้ว โดยหลังจากนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และ 11 หน่วยงาน จะเน้นสื่อสารสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันอย่างแข็งขันเพื่อติดตามช่วยเหลือ ส่งต่อและดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาในช่วงเปิดเทอม ส่วนเด็กที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว ขอให้หน่วยจัดการศึกษาทุกหน่วยทุกสังกัด ดูแลไม่ให้หลุดจากระบบซ้ำ ช่วยกันทำระบบการศึกษาให้ยืดหยุ่น มีคุณภาพ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 
 
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลของเด็กและเยาวชนไทยให้ครบถ้วน เช่น เด็กและเยาวชนที่ศึกษาอยู่ในศูนย์การเรียน ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนผู้เรียน งบฯ อาหารกลางวัน นมโรงเรียน สวัสดิการ รวมทั้งสนับสนุนสิทธิทางภาษีให้เท่าเทียมกับสถานศึกษาทั่วไป 
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการ Mini Learn to Earn Model เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ให้กับเยาวชนนอกระบบการศึกษาในช่วงอายุ 16-24 ปี (กลุ่ม NEET) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวน 50,000 คน และจัดการประเมินเพื่อรับรองสมรรถนะและคุณวุฒิวิชาชีพ สร้างโอกาสในการมีงานทำ พร้อมทั้งเก็บประวัติการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบผ่าน E-Workforce Ecosystem Platform เชื่อมโยงเพื่อต่อยอด สู่การศึกษาในระบบในอนาคต รวมถึงการเชื่อมโยงเข้าสู่การจ้างงานหรือประกอบอาชีพอิสระในชุมชน โดยที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอโครงการดังกล่าวเพื่อรับเงิน สนับสนุนตามแผนโครงการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 2568 จำนวน 500 ล้านบาทต่อไป 
 

หน้าแรก » การศึกษา