วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 09:39 น.

การศึกษา

พุทธสันติวิธีกู้ภัย: ศาสนกิจเจ้าคุณหรรษาร่วมช่วยน้ำท่วมใต้

วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 12.18 น.

บทบาทและกิจกรรมทางศาสนาของพระสงฆ์ไทยในการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้หลักธรรมคำสอนเพื่อประโยชน์สุขของสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการเกื้อกูลสังคม
แก่นแท้ของ พุทธธรรม ไม่ว่าจะเป็นในนิกายเถรวาท (หินยาน) หรือมหายาน ล้วนตั้งอยู่บนหลักการของการ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และ การเกื้อกูลกัน ในฐานะหน้าที่สำคัญของมนุษย์ การช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากถือเป็นหัวใจของศาสนาที่มุ่งเน้นความเมตตาและกรุณา

หลักเมตตาและกรุณา: การที่พระสงฆ์ออกมาปฏิบัติศาสนกิจในภาวะภัยพิบัติ สะท้อนถึงการปฏิบัติธรรมตามหลัก พรหมวิหาร 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมตตา (ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข) และ กรุณา (ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์) ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการลงมือปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

สังฆคุณ: พระสงฆ์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ สังฆรัตนะ ได้ทำหน้าที่เป็น เนื้อนาบุญ และ ที่พึ่ง ทางจิตใจและทางกายแก่ประชาชน การช่วยเหลือในยามวิกฤตถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญของสถาบันสงฆ์ต่อการดำรงอยู่ของชุมชน

การปฏิบัติศาสนกิจเพื่อบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ประสบภัย
จากข้อมูลและภาพที่แนบมา พบว่าพระสงฆ์ไทยได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างเข้มข้นในพื้นที่น้ำท่วมหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ดังนี้:

1. การบริจาคและการระดมทุนช่วยเหลือ
พระสงฆ์และสถาบันการศึกษาทางพุทธศาสนาได้แสดงบทบาทนำในการเป็นสะพานบุญและแหล่งระดมทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

การสนับสนุนงบประมาณ: พระเมธีวัชรบัณฑิต (เจ้าคุณหรรษา) ได้บริจาคเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ โดยส่งผ่าน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตนครศรีธรรมราช แสดงให้เห็นถึงการใช้ฐานะทางสังคมและฐานะทางการศึกษาของพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ในการเกื้อกูลสังคม

การรับบริจาคและการประสานงาน: มจร วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับ กองทุนสวัสดิการสังคมของพุทธบริษัทจังหวัดสงขลา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับความอนุเคราะห์จากพุทธศาสนิกชนและภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคและยา

2. การแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคและการเข้าถึงพื้นที่ 
พระสงฆ์มิได้จำกัดบทบาทอยู่เพียงในวัด แต่ได้ลงพื้นที่เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ที่เดือดร้อนโดยตรง

การจัดชุดยังชีพ: ตามบันทึกข้อความจาก มจร นครศรีธรรมราช ได้มีการดำเนินการจัด ชุดยังชีพ ที่ประกอบด้วยอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้ที่จำเป็น เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยติดเตียง

การขนส่งในภาวะวิกฤต: ภาพถ่ายแสดงให้เห็นพระสงฆ์หลายรูปในวัดและตามท้องถนนที่กำลังปฏิบัติภารกิจในน้ำท่วมสูง โดยใช้ แผ่นโฟมขนาดใหญ่ (คล้ายฟูกที่นอน) เป็นพาหนะชั่วคราวในการขนส่งถุงยังชีพและน้ำดื่มไปยังผู้ประสบภัยที่เข้าถึงยาก ซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและ ความเสียสละ ทางกายในการเข้าถึงผู้คน

การประสานงานต่างนิกาย: ภาพถ่ายที่วัดจีนแสดงให้เห็นพระสงฆ์ในเครื่องแต่งกายสีส้ม (เถรวาท/มหายานแบบไทย) ร่วมกับพระจีน (มหายาน) ในการเตรียมของบริจาค แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคณะสงฆ์ในการทำประโยชน์สาธารณะภายใต้หลักการเกื้อกูลกัน

สรุปและนัยยะทางสังคม
กิจกรรมกู้ภัยน้ำท่วมของพระสงฆ์ไทยในหาดใหญ่ สงขลา เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ ศาสนกิจเชิงสังคม (Socially Engaged Buddhism) ที่เปลี่ยนจากการเน้นการปฏิบัติธรรมในวิหาร มาสู่การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันของประชาชน การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือทางวัตถุ แต่ยังเป็นการ เยียวยาทางจิตใจ และ สร้างขวัญกำลังใจ ให้แก่ผู้ประสบภัย

การสร้างความเชื่อมั่น: การที่สถาบันสงฆ์และมหาวิทยาลัยสงฆ์ออกมาเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือในยามภัยพิบัติ สร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนต่อสถาบันศาสนา

การทำงานข้ามองค์กร: ความร่วมมือระหว่าง มจร นครศรีธรรมราช กับกองทุนสวัสดิการสงฆ์ และการทำงานร่วมกันระหว่างพระสงฆ์ต่างนิกาย ย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของเครือข่ายสงฆ์ในการทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างเป็นระบบ

บทบาทเหล่านี้ของพระสงฆ์ไทยในการเป็น "ผู้สืบสานและบำรุงพระพุทธศาสนาและนำร่องการบริการสังคม" เป็นการยืนยันว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ายังคงมีความเกี่ยวข้องและมีพลังในการนำมาซึ่งสันติสุขและการบรรเทาทุกข์ในสังคมไทยสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง
 

หน้าแรก » การศึกษา