วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 14.17 น.
“ดิบ บางกอก” เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ 21 ธันวาคม 2568
ดิบ บางกอก เปิดประตูต้อนรับสาธารณชนอย่างเป็น ทางการในวันนี้ นับเป็นหมุดหมายสำคัญในฐานะพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยนานาชาติแห่งแรกของ กรุงเทพฯ และเป็นสถาบันแห่งแรกของประเทศไทยที่จัดแสดงคอลเล็กชันศิลปะร่วมสมัยระดับโลก
ดิบ บางกอก เปิดตัวด้วยนิทรรศการปฐมฤกษ์ในชื่อ ล่อง(ไม่)หน (In)visible Presence ซึ่งจะจัด แสดงจนถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2569 รวบรวมผลงานศิลปะร่วมสมัยทั้งจากศิลปินไทยและนานาชาติที่สำคัญ เพื่อพลิกโฉมมิวเซียมให้เป็นพื้นที่ที่ผู้ชมสามารถสัมผัสประสบการณ์ได้หลากหลาย ได้สำรวจความทรงจำ และสิ่งที่ไม่อาจมองเห็น ผ่านประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสหลายมิติ โดยมีแก่นหลักคือประเด็นลึกซึ้ง เรื่องความทรงจำและสภาวะการดำรงอยู่ของมนุษย์ (Memory and the Human Condition) นำโดย

ภูรัตน์ (แฌง) โอสถานุเคราะห์ ประธานผู้ก่อตั้ง ดร. มิวาโกะ เทสุกะ ผู้อำนวยการคนแรก โดยมี อารียนา ชัยวาระนนท์ เป็นภัณฑารักษ์ จากอาคารโกดังเก่าที่สร้างขึ้นยุคทศวรรษ 1980 ก่อนได้รับการปรับปรุงและออกแบบใหม่โดย WHY Architecture ด้วยความร่วมมือกับบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นนำระดับนานาชาติของไทย อย่าง สถาปนิก 49 (A49) พื้นที่ ดิบ บางกอก พร้อมเปิดตัวในฐานะจุดหมายทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ ที่ชวนผู้ชมร่วมสัมผัสศิลปะร่วมสมัยจากประเทศไทยและนานาชาติ ภายใต้วิสัยทัศน์อันก้าวหน้าของ ภูรัตน์ (แฌง) โอสถานุเคราะห์ ประธานผู้ก่อตั้ง ผู้ซึ่งนำแรงบันดาลใจจากมรดกความฝันของ เพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้เป็นบิดา มาตีความและต่อยอดใหม่ให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน จากการที่จะ เก็บรักษาคอลเลกชันไว้ส่วนตัว วิสัยทัศน์ของเขาคือการมอบชีวิตให้กับผลงานได้เปิดเผยต่อสาธารณะ ผ่านการก่อตั้งมิวเซียมที่เปิดกว้างต่อผู้ชมหลากหลายรุ่นและวัฒนธรรม จากจุดเริ่มต้นของงานที่ เพชร โอสถานุเคราะห์ สะสมไว้ คอลเลกชันของ ดิบ บางกอก เติบโตอย่าง ต่อเนื่อง นำโดย ภูรัตน์ และ ดร.มิวาโกะ ผลงานสำคัญจากศิลปินโมเดิร์น และศิลปินร่วมสมัยระดับโลก มิวเซียมแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ การแลกเปลี่ยน และการมองโลกผ่านศิลปะในมุมใหม่ ชื่อ “ดิบ” สะท้อนแนวคิดของความเป็นธรรมชาติและความจริงแท้ ซึ่งปรากฏอยู่ในประสบการณ์ การออกแบบ และกิจกรรมต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์
“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แนะนำมิวเซียมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติแห่งแรกของประเทศไทยใน กรุงเทพฯ และยินดีต้อนรับทุกท่านสู่พื้นที่ซึ่งศิลปะสามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้สึก ไม่เพียงแค่ชมได้ด้วยสายตาเท่านั้น พื้นที่แห่งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมใช้เวลากับความคิด การสำรวจ และความสนุกเชิง สร้างสรรค์ โดยในทุกครั้งที่มาเยือน ผู้ชมจะค้นพบสิ่งใหม่และไม่คาดคิด กรุงเทพฯ เมืองที่เต็มไปด้วยพลัง ความคิดสร้างสรรค์ และไม่หยุดนิ่ง และเราคงเห็นตรงกันว่า กรุงเทพฯ มีห้างสรรพสินค้าเพียงพอแล้ว เป้า หมายของเราคือการสร้างพื้นที่ในอีกรูปแบบหนึ่ง พื้นที่ที่เชิญชวนให้ผู้คนได้ใช้เวลาอยู่กับศิลปะ ถึงเวลาแล้วที่จะมีสถาบันศิลปะร่วมสมัยซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญ เพื่อสะท้อนความมีชีวิตชีวา และเฉลิมฉลองศิลปะด้วยแนวทางที่ทรงพลังและโดดเด่นไม่แพ้ตัวเมืองเอง”
นิทรรศการเปิดตัวของ ดิบ บางกอก ในชื่อ ล่อง(ไม่)หน (In)visible Presence นำเสนอผลงาน สำคัญจากคอลเลกชันของสถาบัน โดยจัดแสดงและออกแบบให้สอดประสานกับสถาปัตยกรรมของอาคาร นิทรรศการนี้ใช้พื้นที่ทั้งสามชั้นเป็นเส้นทางเล่าเรื่อง เพื่อพาผู้ชมสำรวจแนวคิดว่า อดีตคือสิ่งที่นำทางเราไป สู่อนาคต พร้อมตั้งคำถามสำคัญว่า เราจะระลึกถึงสิ่งที่เรารักแต่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างไร

ดร. มิวาโกะ เทสุกะ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ กล่าวถึงวิสัยทัศน์ด้านภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ เปิดตัว ดิบ บางกอก ว่า “แนวทางการทำงานด้านภัณฑารักษ์ของเรายึดแนวคิด (Theme) เป็นศูนย์กลาง สำหรับการเปิดพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้ ธีมหลักคือ ล่อง(ไม่)หน (In)visible Presence หรือศิลปะที่ขยายการรับรู้ ไปไกลกว่าการมองเห็นด้วยสายตา แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการยกย่องและรำลึกถึง คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ ก่อนจะถ่ายทอดมาเป็นกรอบการทำงานด้านภัณฑารักษ์ โดยเราได้คัดเลือกผลงาน 81 ชิ้นจากศิลปิน 40 ท่าน ซึ่งร่วมกันตั้งคำถามว่า เราจะรับรู้และจดจำสิ่งที่มีความหมายแต่ไม่อาจมอง เห็นได้อย่างไร นอกจากนั้น แนวคิดนี้ยังสะท้อนบริบทของยุคสมัยที่โลกถูกโอบล้อมถาโถมด้วยภาพจำนวน มหาศาล จำเป็นต้องใช้ความใส่ใจที่ลึกซึ้งและสภาวะนิ่งสงบเพื่อสร้างสมดุลให้เกิดขึ้น”

อารียนา ชัยวาระนนท์ ภัณฑารักษ์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับนิทรรศการ ล่อง(ไม่)หน (In)visible Presence เรามุ่งหมายให้ผู้ชมได้สัมผัสงานศิลปะผ่านประสาทสัมผัส ไม่ใช่เพียงรับชมด้วยสายตาเท่านั้น แต่ผลงานหลายชิ้นกระตุ้นประสาทสัมผัสหลายด้าน ทั้งเสียง กลิ่น แสง รวมถึงท้าทายความคาดหมายเรื่อง ขนาด น้ำหนัก และวัสดุในชีวิตประจำวัน กระบวนการเหล่านี้เผยให้เห็นความสอดคล้องตามธรรมชาติ ระหว่างแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะที่หลากหลาย รวมถึงความสัมพันธ์กับขบวนการศิลปะหลังสงคราม อย่าง อาร์เต โปเวรา (arte povera) ซึ่งใช้วัสดุธรรมดาเป็นสื่อสะท้อนถึงการดำรงอยู่และความทรงจำอันลึกซึ้งของมนุษย์”
ข้อมูลนิทรรศการ ล่อง(ไม่)หน (In)visible Presence เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2569 เวลาทำการ: วันพฤหัสบดี–วันจันทร์ เวลา 10.00-19.00 น. (ปิดวันอังคารและวันพุธ) บัตรเข้าชม: 550 บาทสำหรับคนไทย และ 700 บาทสำหรับชาวต่างชาติ สามารถสำรองบัตรเข้าชมได้ล่วงหน้าทางเว็บไซต์ www.dibbangkok.org ที่อยู่: 111 ซอยสุขุมวิท 40 พระโขนง คลองเตย กรุงเทพฯ 10110
ส่งข่าวได้ที่ email : saowaporn12345@gmail.com และ bat_mamsao@yahoo.com