วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568 02:19 น.

การศึกษา

สวทช. จับมือ มูลนิธิ SOS ลงพื้นที่ภาคเหนือขยายผลโมเดลธนาคารอาหารแห่งชาติ

วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.40 น.

สวทช. จับมือ มูลนิธิ SOS ลงพื้นที่ภาคเหนือขยายผลโมเดลธนาคารอาหารแห่งชาติ

 

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) เดินหน้ายกระดับการจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อลดปริมาณขยะอาหารในพื้นที่อย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ “การขยายผลแนวทางการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย (Thailand's Food Bank)” โดยล่าสุด (15-19 ธันวาคม 2568) คณะทำงานโครงการฯ ได้ลงพื้นที่ภาคเหนือ ครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน เพื่อหารือร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ขยายผลและประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน (Food surplus) และประยุกต์ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. สนับสนุนการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน ในการช่วยแก้ปัญหาการเกิดขยะอาหารและการสูญเสียอาหารซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความมั่นคงทางอาหารแก่กลุ่มเปราะบาง พร้อมเก็บข้อมูลเชิงลึกในกระบวนการบริจาคอาหาร รวมถึงลงพื้นที่ในชุมชนที่ได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลโครงการฯ อย่างน้อย 30 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ ภายในปี 2571

 

ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์ นักวิจัยนโยบายอาวุโส และหัวหน้าโครงการ Food Bank สวทช. เปิดเผยว่า การลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหารผ่านการจัดตั้งธนาคารอาหารที่มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และด้านการพัฒนาสังคมด้วยการสนับสนุนให้อาสาสมัครในท้องถิ่นมีบทบาทเป็นพี่เลี้ยงในการกอบกู้อาหารส่วนเกินคุณภาพดี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

 

 

 

สำหรับการดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานฯ ได้มุ่งเน้นการศึกษาต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินในพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีความหนาแน่นสูง โดยศึกษาการเชื่อมโยงระบบขนส่งและการกระจายอาหารจากผู้ประกอบการโรงแรมและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไปสู่ศูนย์พักพิงและกลุ่มเปราะบางในเขตเมือง เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการทรัพยากรอาหารให้สอดคล้องกับสภาพสังคมเมืองที่มีปริมาณอาหารส่วนเกินจำนวนมากในแต่ละวัน โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานฯ ได้เข้าพบนายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นางนุสรา ยันตรโกวิท ปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อลดขยะอาหารในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่

 

ในพื้นที่จังหวัดลำปาง คณะทำงานฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาคธุรกิจเข้าร่วมประชุมหารือ ณ โรงแรมเวียงลคอร เพื่อวางแนวทางดึงภาคเอกชนและเครือข่ายผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในระบบธนาคารอาหาร โดยมีนายพีระรักษ์ พิชญกุล ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการในพื้นที่ และจิตอาสาจำนวน 27 คน โดยได้แลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานร่วมกันของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อพัฒนาระบบการจัดการอาหารส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่การคัดแยก การรวบรวม การกระจาย/ส่งต่อ ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม ตลอดจนการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนจังหวัดลำปางสู่การลดการสูญเสียอาหารอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังได้ลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัครรักษ์อาหารจังหวัดลำปาง เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการรับและแจกจ่ายอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ชุมชนบ้านสามขา และบ้านแม่ทะ เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของอาสาสมัครในระดับชุมชน

 

และในจังหวัดลำพูน คณะทำงานฯ ได้ประสานงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน โดยมี นายรุ่งโรจน์ สุนทร ท้องถิ่นจังหวัดลำพูน ร่วมประชุม พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางขยายผลร่วมกับเครือข่ายตัวกลางในพื้นที่ ณ โรงแรมแกรนด์ปา แอนด์ รีสอร์ท โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และเครือข่ายจิตอาสามากกว่า 15 คน ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนามในการกอบกู้อาหารจากห้างสรรพสินค้า เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มเปราะบางในชุมชนบ้านขว้าง ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังได้เข้าพบนายนพดา อธิกากัมพู ประธานหอการค้าจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยผู้ประกอบการท้องถิ่นเพื่อหารือความร่วมมือการขยายผลโครงการ โดยในเบื้องต้นผู้ประกอบการในพื้นที่ได้แสดงความจำนงบริจาคอาหารส่วนเกินแล้วจำนวน 4 ราย

 

ด้าน ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวเสริมว่า ข้อมูลที่ได้รับจากการลงพื้นที่หารือความร่วมมือและขยายผลโครงการ ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และลำพูนครั้งนี้ จะถูกนำไปพัฒนาโมเดลการจัดการที่เป็นระบบ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะอาหารแต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนได้อย่างทั่วถึง โดย สวทช. และภาคีเครือข่ายจะมุ่งมั่นดำเนินโครงการนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย เพื่อให้เป็นรากฐานสำคัญในการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน ลดปริมาณขยะอาหาร และเพิ่มความมั่นคงทางอาหารสืบไป

 

ขณะที่ นายทวี อิ่มพูลทรัพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย มูลนิธิ SOS กล่าวถึงหลักการทำงานของ SOS ว่า ทาง SOS จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้บริจาคกับอาสาสมัครเพื่อจัดการอาหารส่วนเกินอย่างเป็นระบบ โดยอาสาสมัครทุกคนต้องผ่านการอบรมด้านความปลอดภัยทางอาหารและการลงข้อมูลอย่างเข้มงวด ซึ่งมีเทคโนโลยีจาก สวทช. มาช่วยในเรื่องการตรวจสอบคุณภาพอาหารที่พร้อมส่งต่อสู่ชุมชนผู้เปราะบาง ได้แก่ Food Safety Guideline โดยไบโอเทค แพลตฟอร์มดิจิทัลจับคู่ผู้บริจาคและผู้รับ โดยเนคเทค และแพลตฟอร์มคำนวณ Carbon Footprint โดยเอ็มเทค ซึ่งมูลนิธิ SOS จะมีการทำงานร่วมกับ สวทช. อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งต่ออาหารส่วนเกินและร่วมกันสร้างการเติบโตของเครือข่ายธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทยในอนาคต

         

ส่งข่าวได้ที่  email : saowaporn12345@gmail.com    และ  bat_mamsao@yahoo.com

 

หน้าแรก » การศึกษา

ข่าวในหมวดการศึกษา