เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. สุชาดา สอนพันธ์ มาเบล พิมพ์มาดา ใจสักเสริญ พิมมา และ อินท์ปาลี โชติหิรัญธนนนท์ อิงโกะ จากค่าย LIT ENTERTAINMENT เดินทางมาพร้อมกับ ผู้บริหาร จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทงเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. จากกรณีที่ 3 สาววง PiXXiE ได้ถูกนำภาพไปตัดต่อลักษณะลามก อนาจาร แล้วนำไปโพสต์ในโชเชียลมีเดีย

นางสาว สุชาดา สอนพันธ์ มาเบล กล่าวว่า สาเหตุที่รู้ว่า ตัวเองและคนอื่นๆโดนเอาภาพไปตัดต่อลามกอนาจาร ทางแฟนคลับส่งมาให้ดู ส่งมาทางอีเมล ค่ายเพลง ทางค่ายเลยเข้าไปตรวจสอบรูปภาพดังกล่าวทางทวิตเตอร์ และไม่ได้มีแค่พวกเรา 3 คนที่โดน ยังมีศิลปินท่านอื่นด้วยที่โดน เลยอยากมาแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมาย ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ และที่โดนตัดต่อโดนไปหลายภาพ ซึ่งทำให้เราเสียหาย และหลอกลวงให้คนไปซื้อ แอคเคาน์ เพื่อจะเข้าไปดูคลิป แต่พอซื้อไปแล้วจะไม่มีคลิปเรา แค่ตัดต่อเราเพื่อเอามาโปรโมทดึงดูดคน  และถ้าถามถึง เรื่องของจิตใจ ไม่ได้เครียดหรือมีปัญหาทางจิตใจเลย เพราะมองว่า คือภาพตัดต่อ ไม่ใช่ภาพจริง แต่ที่มาแจ้งความเพราะไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใคร ถึงเราจะรับได้ แต่คนอื่นที่โดน อาจจะรับไม่ได้ หรืออาจจะกระทบจิตใจเขา

อินท์ปาลี โชติหิรัญธนนนท์ อิงโกะ กล่าวต่อว่า จากกรณีนี้ จะสร้างผลกระทบและชื่อเสียง คือส่งผล ต่อการทำงาน ในปัจจุบันและอนาคต ภาพลักษณ์และสิ่งที่เรานำเสนอผ่านสื่อสาธารณะ แฟนคลับบางคนอาจจะไม่รู้อาจจะเข้าใจผิดได้

พิมพ์มาดา ใจสักเสริญ พิมมา กล่าวเสริมว่า ที่มาแจ้งความวันนี้ รู้สึกว่าการกระทำแบบนี้ ไม่สมควรเกิดขึ้นกับเราเอง หรือว่า กับใครก็ตาม พวกเรายังโชคดีที่มีทางค่ายแนะนำ และควรจะดำเนินการอย่างไร และน่าจะยังมีผู้หญิงอีกหลายๆคนที่โดนกระทำเช่นนี้ แต่ไม่กล้ามาแจ้งความ เลยอยากเป็นกระบอกเสียงให้กับทุกคน ว่าคนที่ถูกกระทำไม่ผิดและไม่มีความผิดอะไรเลย ไม่ต้องอาย เราโดนกระทำเพราะฉะนั้น ต้องรีบมาแจ้งความ รักษาสิทธิของตัวเอง

พ.ต.อ. ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. กล่าวว่าในการตรวจสอบวันนี้ ที่ได้ดูเนื้อหาของการแจ้งความก็จะพบว่า มีการนำภาพของผู้เสียหายไปตัดต่อลามกอนาจารจริง และนำมาโพสต์ลงโชเชียลมีเดีย จนทำให้เกิดความเสีย ซึ่งการกระทำความผิดคือ เรื่องการตัดต่อภาพ และนำภาพตัดต่อไปเผยแพร่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ก็จะมีโทษ ปรับ 1 แสนบาท จำคุก 5 ปี ซึ่งในคดีนี้ ทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้กำชับให้ทำการสืบสวนว่าผู้ก่อเหตุในคดีนี้เป็นใคร เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป