วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 13:39 น.

การเงิน หุ้น

เอสจี แคปปิตอล ผุด “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” รวมหนี้ ผ่อนหนักเป็นเบา

วันพุธ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2565, 11.55 น.

เอสจี แคปปิตอล ผุด “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” รวมหนี้ ผ่อนหนักเป็นเบา

 

 

บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่ม SINGER ขานรับมาตรการการรีไฟแนนซ์ และการรวมหนี้ ของ ธปท. ชู “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ช่วยลดภาระหนี้ยุคเงินเฟ้อ เดินหน้า MOU ร่วมกับ 80 องค์กรชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เสริมสภาพคล่องทางการเงินกลุ่มพนักงานประจำ ท่ามกลางยุคเศรษฐกิจชะลอตัว สอดคล้องกับปัญหาสัดส่วนหนี้ครัวเรือนในระดับที่สูง พร้อมคาดจะยังคงมีอัตราเพิ่มขึ้นในปีนี้ ถือเป็นอุปสรรคที่ท้าทายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจ และสังคมให้ไม่สะดุด ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” (Debt Consolidation) เปลี่ยนภาระผ่อนหนักเป็นเบา รวมหนี้จบในที่เดียว ครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจากทุกสถาบันการเงิน และนอนแบงก์วงเงินกู้สูงสุด 2,000,000 บาท ดอกเบี้ย 15% ต่อปี ให้ผ่อนชำระแบบลดต้นลดดอกเบี้ยในเวลาเดียวกัน เลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 12 งวด ถึง 72 งวด โดยปี 2564 ที่ผ่านมา “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ปล่อยวงเงินกู้ไปแล้วกว่า 1.06 ร้อยล้านบาท ตั้งเป้าปี 2565 อนุมัติเพิ่มขึ้น 200% ในวงเงิน 240 ล้านบาท 

 

 

นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำ ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” สินเชื่อเช่าซื้อเพื่อผลิตภัณฑ์ “ซิงเกอร์” และสินเชื่ออื่น ๆ เผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจทั่วโลก เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าธุรกิจในหลายภาคส่วน ขณะเดียวกันด้านค่าครองชีพส่วนต่าง ๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงแตะเพดาน และคาดปีนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้ในระดับปกติ สะท้อนรายได้แต่ละครัวเรือนในสังคมที่ยังคงไม่ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ กระทบต่อสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน ดังนั้น การลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายครอบครัวต้องการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดมาตรการรีไฟแนนซ์ และการรวมหนี้ โดยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ เพื่อขานรับนโยบายฯ และมุ่งบรรเทาความเดือดร้อน ช่วยลดภาระหนี้สินผู้บริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิต และสังคม เอสจี แคปปิตอล ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” (Debt Consolidation) สินเชื่อสำหรับพนักงานประจำ ช่วยบริหารจัดการรวมหนี้จากส่วนต่าง ๆ มาจบในที่เดียว ครอบคลุมทั้งหนี้จากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจากทุกสถาบันการเงิน รวมทั้งนอนแบงก์ (Non-Bank) หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน

ผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” โดยเอสจี แคปปิตอล ล่าสุดได้ร่วมลงนามเซ็นสัญญาMOU กับองค์กร กว่า 80  องค์กร ใน 4 กลุ่มบริษัท ครอบคลุมทั้งในรูปแบบบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกลุ่มบริษัทจำกัดที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ณ ปัจจุบันที่มีรายชื่อใน SET 100 กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) หรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  หรือบริษัทจำกัดที่มีชื่อเสียงและมั่นคง รวมทั้งกลุ่มบริษัทจำกัดที่ไม่เข้าเงื่อนไข เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กลุ่มพนักงานประจำในองค์กรคู่ค้าที่มีฐานเงินเดือน ตั้งแต่ 15,000 บาท มุ่งตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเคลียร์ภาระหนี้สินให้จบเร็วขึ้น ด้วยวงเงินกู้สูงสุด 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 15% ต่อปี โดยการผ่อนชำระเป็นแบบลดต้นลดดอกเบี้ยในเวลาเดียวกัน พร้อมสามารถเลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 12 งวด ถึง 72 งวด

อย่างไรก็ดี “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ได้ปล่อยวงเงินกู้ไปแล้วกว่า 106 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท สูงสุดถึง 2,000,000 บาทต่อราย นับเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหา และความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องเผชิญปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงินในครัวเรือนจำนวนมาก ที่เป็นผลกระทบจากปัจจัยทั้งด้านที่อยู่อาศัย อัตราค่าเดินทาง เครื่องอุปโภค บริโภค เป็นต้น ที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในปี 2565 นี้ เอสจี แคปปิตอล จึงตั้งเป้าเพิ่มวงเงินอนุมัติขึ้นจากปีที่ผ่านมา 200% เพื่อครอบคลุมและเข้าถึงความต้องการทุกครัวเรือนในกลุ่มพนักงานประจำในองค์กรคู่ค้าที่ร่วมลงนามใน MOU กว่า 80 องค์กร ทั้งนี้ ได้เตรียมวงเงินเพื่ออนุมัติกว่า 240 ล้านบาท พร้อมคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มคนทำงานและครอบครัวให้สามารถปลดหนี้และสร้างฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนสังคมสู่ความมั่นคงทั้งในปัจจุบันและอนาคต