วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 11:48 น.

การเงิน หุ้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 09.30 น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์

 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) แกว่งตัวในกรอบ Sideways ไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 32.60-32.74 บาทต่อดอลลาร์) หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ เงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับระยะสั้น 32.60 บาทต่อดอลลาร์ ตามการรีบาวด์สูงขึ้นจากโซนแนวรับของราคาทองคำ (XAUUSD) แถว 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่าการเคลื่อนไหวโดยรวมของเงินบาทยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) ที่จะรับรู้ในช่วงราว 14.00 น. ของวันพุธ 25 มิถุนายน นี้ 

 

บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทยอยคลี่คลายลง ทว่าพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางดังกล่าว ได้กดดันให้บรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหนัก อาทิ Exxon Mobil -3.0% ตามการปรับตัวลงแรงของราคาน้ำมันดิบ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.11%

 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้น +1.11% หนุนโดยสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทยอยคลี่คลายลง ทว่าตลาดหุ้นยุโรปก็เผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงแรงของราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ อาทิ Shell -3.5%

 

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell จะยังคงย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ยของเฟด เช่นเดียวกันกับบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ ทว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) และการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทยอยคลี่คลายลง ก็มีส่วนหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.29% ทั้งนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลงมาพอควร และอยู่ในโซนที่ยังไม่น่าสนใจทยอยเข้าซื้อ ซึ่งเราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หรือ บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น เช่น โซน 4.50% สำหรับ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจกว่า

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Down หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากท่าทีของทั้งประธานเฟดและบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ที่ยังคงย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย เพื่อรอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน โดยเฉพาะในส่วนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อลงเล็กน้อย สู่ระดับ 97.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.7-98.2 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้บรรดาผู้เล่นในตลาดจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) ก็ยังพอได้แรงหนุนบ้าง ตามจังหวะการย่อตัวลงของทั้ง เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กอปรกับผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อทองคำในโซนแนวรับระยะสั้น หนุนให้ราคาทองคำสามารถทยอยรีบาวด์สูงขึ้น สู่โซน 3,340-3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย โดยเราประเมินว่า ในการประชุมครั้งนี้ กนง. อาจมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% เพื่อรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ อย่าง การเมืองในประเทศ อีกทั้งการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงเผชิญความไม่แน่นอนสูง อาจทำให้ประสิทธิผลของนโยบายการเงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ กนง. อาจยังคงส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจไทย อนึ่ง ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า กนง. มีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องสู่ระดับ 1.25% ได้ภายในปีหน้า 

 

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ การแถลงต่อคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสโดยประธานเฟด Jerome Powell ทั้งนี้ แม้ว่าประธานเฟดจะยังคงย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการในวันก่อน ทว่า ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 40% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ และมีโอกาสราว 65% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยที่มากกว่า คาดการณ์หรือ Dot Plot ของเฟดล่าสุด   

               

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน รวมถึงพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง   

 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways โดยมีโซนแนวรับ 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวต้านก็อาจอยู่ในช่วง 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย

 

โดยในกรณีที่ กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ เรามองว่า เงินบาทก็อาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน แต่หาก กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด ทว่ากลับส่งสัญญาณไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย (ซึ่งโอกาสเกิดน้อย) คล้ายกับท่าทีของเฟด เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้ หากบรรดานักลงทุนต่างชาติตัดสินใจขายทำกำไรสถานะลงทุนในบอนด์ โดยเฉพาะในส่วนของบอนด์ระยะยาวของไทย เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติอาจมองว่า กนง. มีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.25% ได้ ภายในปีหน้า

 

ส่วนในกรณีที่ กนง. ลดดอกเบี้ยเซอร์ไพรส์ตลาด พร้อมส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มเติม ซึ่งเรามองว่า ก็มีโอกาสที่จะเกิดได้ ในกรณีนี้ แม้ว่าท่าทีของ กนง. จะดู Dovish ทว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจมองว่า กนง. มีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ต่ำกว่า 1.25% ซึ่งอาจเห็นแรงซื้อบอนด์ไทยเพิ่มเติมได้ ทำให้ เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่า และมีโอกาสที่จะเห็นเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แม้ว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยเซอร์ไพรส์ตลาดก็ตาม

 

การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ อย่าง เงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงเกินปกติของตลาดการเงิน ทำให้ เราคงเน้นย้ำความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด

 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.80 บาท/ดอลลาร์