วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568 07:56 น.

ข่าวสังคม

เลขาฯ TSPCA จี้รัฐจริงจังใช้กฎหมายควบคุมสุนัขจรจัดหลังทำสังคมขัดแย้ง

วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 18.23 น.

เลขาฯ TSPCA จี้รัฐจริงจังใช้กฎหมายควบคุมสุนัขจรจัด หลังเกิดเหตุสุนัขจรจัดกัดเด็กสร้างความขัดแย้งของสังคม พร้อมยกตัวอย่างนานาประเทศมีกฎหมายควบคุมชัดเจน ช่วยสังคมสงบสุขคนกับสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล เลขาธิการและผู้อำนวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ กล่าวถึงข่าวสุนัขจรจัดกัดเด็กขณะที่พ่อเด็กตีสุนัขจนเป็นข้อถกเถียงของสังคมประเด็นสุนัขจรจัดกัดแล้วใครต้องรับผิดชอบว่า ประเด็นดังกล่าวมีข้อมูลที่น่าสนใจว่าสุนัขจรจัดจากการสำรวจทั่วประเทศขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่ามีสุนัขจรจัดมากกว่าหนึ่งแสนถึงล้านตัวทั่วประเทศ บางแหล่งข้อมูลพบว่ามีสุนัขจรจัดกว่า 2 ล้านตัว โดยพบสุนัขจรจัดจำนวนมากหลายพี้นที่ในชุมชนเมือง เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนที่ไม่ชอบสุนัข เพราะอาจได้รับความเดือดร้อน จากพฤติกรรมของสุนัขบางตัว เช่น ดุ หรือสร้างความรำคาญอื่นๆ กับกลุ่มที่เมตตาสุนัขเหล่านั้น

สำหรับในต่างประเทศมาตรการด้านสุนัข เช่น สหรัฐอเมริกาบางรัฐ มีกฎหมายที่เข้มงวดสุนัขทุกตัวต้องจดทะเบียน ฝังไมโครชิพ ซื้อประกัน รวมถึงสุนัขตัวไหนสร้างปัญหาก็จะมีการลงโทษเจ้าของ และถ้าสุนัขไม่มีเจ้าของจะมีวิธีการที่เด็ดขาดในการจัดการ ส่วนในประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้คนเลี้ยงต้องมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในการเลี้ยงสัตว์สวัสดิภาพสัตว์ และเมื่อพบสุนัขจรจัดต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ดำเนินการทันที หรือในประเทศออสเตรเลียมีกฎหมายที่กำหนดว่าเมื่อพบสุนัขถูกปล่อยและพลัดหลงให้เจ้าหน้าที่ส่งคืนเจ้าของหรือส่งไปยังสถานที่กำหนดเพื่อดำเนินการต่อไป โดยในหลายประเทศจะนำภาษีที่เก็บจากการขึ้นทะเบียนและการครอบครองสุนัขนำมาใช้ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัด

สำหรับประเทศไทยปัจจุบันกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องมีหลายฉบับล้วนแล้วแต่ให้อำนาจหน่วยงานราชการส่วนกลางและท้องถิ่นในการบริหารจัดการปัญหาดังกล่าว แต่ไม่มีกฎหมายเฉพาะในการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดให้มีประสิทธิภาพหรือสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เป็นจริงเท่าที่ควร แต่ที่ผ่านมามีหลายองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่เข้มแข็งสามารถแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดเหล่านี้ได้ดี สมควรได้รับการยกย่องเป็นแบบอย่าง เช่น โครงการสุนัขชุมชนแม่กลอง  สุนัขชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ หรือการแก้ไขปัญหาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพชรบูรณ์ สงขลา สตูล ล้วนแต่เป็นต้นแบบที่น่าศึกษา สำหรับในกรุงเทพมหานครมหานครเมืองหลวงของประเทศไทยก็มีความพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้เช่นกัน

สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัด เช่น การสำรวจจำนวนประชากรที่แท้จริงของสุนัขจรจัด แนวโน้มการเลี้ยงการปล่อย กฎหมายที่เกี่ยวข้องที่บังคับเข้มงวดเด็ดขาดเป็นธรรมต่อสังคม รวมทั้งการทำหมันอย่างครบวงจรทั้งระบบทุกพื้นที่ การลดการขยายพันธุ์ การขึ้นทะเบียนด้วยเทคโนโลยี การหาสถานที่พักพิง สถานสงเคราะห์สัตว์ สถานรักษาพยาบาลสัตว์เจ็บป่วยที่ได้มาตรฐาน หรือเมื่อเจ้าของเลี้ยงสุนัขไม่ไหวก็ควรมีสถานที่รองรับไม่ใช่ปล่อยละทิ้งให้เป็นภาระของสังคม ชุมชน และการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากสุนัขจรจัด เป็นต้น ทั้งหมดล้วนเป็นแนวทางออกที่มีการเสนอมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังขาดการสื่อสารให้บุคคลรับรู้ถึงปัญหาและร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งถ้าไม่รีบดำเนินการแก้ไข จำนวนสุนัขจรจัดจะเพิ่มขึ้นอย่างมากและอาจเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยรวมถึงโรคระบาดและเกิดความขัดแย้งของคนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากความดุ เสียงเห่า สิ่งปฏิกูล การคุ้ยเขี่ยหาอาหาร การวิ่งตัดหน้ารถ เป็นอันตรายทั้งต่อสุนัขและคนขับรถ รวมถึงการดูแลรักษาพยาบาลสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำร้ายและการไม่ได้รับวัคซีนควบคุมโรคอย่างทั่วถึง ดังนั้นสุนัขจรจัดกัดเด็กที่เป็นข่าวขณะนี้ คงไม่ใช่เพราะพฤติกรรมของสุนัขอย่างเดียว อาจมีที่มาของปัญหาหลายประการ ที่ต้องร่วมกันแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างต่อเนื่อง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่ของตน ในการบูรณาการแก้ไขปัญหาให้เป็นในทิศทางเดียวกัน สำคัญสุนัขทุกตัวต้องมีเจ้าของและเจ้าของต้องแสดงความรับผิดชอบ ถึงจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้คลี่คลายเบาบางลงได้