วันอาทิตย์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 14:51 น.

ต่างประเทศ

เผด็จการทหารเมียนมา สั่งห้ามกองกำลังเคเอ็นยูคุ้มกันม็อบ

วันอังคาร ที่ 09 มีนาคม พ.ศ. 2564, 17.52 น.

​วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2564 พลโทโก่โก่ หม่อง แม่ทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่ดูแลรัฐกะเหรี่ยง กับรัฐมอญ มีหนังสือถึง พลเอกมูตู เส่โพ ประธานาธิบดีแห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู.) โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ขอให้ทางผู้บัญชาการกองกำลังของเคเอ็นยู. ตามแนวชายแดน และในเขตพื้นที่อิทธิพล สั่งการให้ทหารเคเอ็นยู. ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงต่อต้านคณะรัฐประหารของประชาชน ตามพื้นที่ต่างๆ เพราะถือว่า เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของกองทัพเมียนมา

ขณะที่ทหารเคเอ็นยู.ยังคงดูแล และสนับสนุนผู้ชุมนุมตามพื้นที่ต่างๆ เช่น ที่เมืองผาปูน มะลิ ทวาย ผาอ่าน กอกาเลก โดยมีการจัดรถยนต์รับส่งประชาชนที่ไปชุมนุม ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งแม้ว่า จะมีทหารฝ่ายรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่กล้าไปยุ่ง หรือ จับกุมผู้ชุมนุม ส่วนทางด้านผู้บริหารเคเอ็นยู. แจ้งว่า การเคลื่อนไหวต่างๆ ของประชาชน อยู่ในเขตอิทธิพลของฝ่ายเคเอ็นยู.
          
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด การชุมนุมได้ยุติลงไป เมื่อประชาชนไม่ออกมาชุมนุม เนื่องจากทหาร ตำรวจที่ จ.เมียวดี ออกตรึงกำลังเข้มในเมืองเมียวดี 

"นอภ.สังขละฯ"พร้อมรับมือชาวเมียนมาอพยพ

นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ในเมียนมา หากเกิดความรุนแรงขึ้นจากการชุมนุมประท้วงการยึดอำนาจของ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย จนมีการอพยพเข้ามาของชาวเมียนมา บริเวณชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยเบื้องต้นได้เตรียมสถานที่รองรับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวนกว่า 4 จุดด้วยกัน ซึ่งทั้ง 4 จุดดังกล่าวนี้สามารถรองรับผู้ได้รับผลกระทบกว่า 2,000 คน

นายปกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้จัดเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ทั้ง ทหาร ตำรวจ ตชด. สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจในหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี เนื่องจากในพื้นที่เกิดเหตุการณ์สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเมียนมา และชนกลุ่มน้อย จนมีการอพยพเข้ามาพักพิงในพื้นที่เราบ่อยครั้ง แต่หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่วันนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม ในพื้นที่ อ.พญาตองซู จ.กอกาเร็ก รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา (ประมาณ 1,200 คน) หยุดงานเป็นวันที่ 31 เพื่อรวมตัวกันบนถนนหมายเลข 87 บริเวณ ด้านหน้าอนุสาวรีย์วีรชน เดินขบวนประท้วงขับไล่ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ในพื้นที่ อ.พญาตองซู จ.กอกาเร็ก รัฐกะเหรี่ยงฯ มีประเด็นข้อเรียกร้อง ต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพเมียนมา และ ให้ปล่อยตัว นาง อ่องซานซูจีฯ พร้อมทั้งถือป้ายเชิญชวน ประชาสัมพันธ์ให้หยุดงานเข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน CDM เรียกร้องให้ประเทศจีนหยุดการแทรกแซงทางการเมือง และเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงชาวเมียนมา

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามขอให้กลุ่มผู้ประท้วงจัดกิจกรรมในชุมชน และเลี่ยงการเดินขบวนในพื้นที่ถนนหลักของเมือง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจราจรและการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ประท้วง

แหล่งข่าวรายงานว่าการออกมาประท้วงของชาวบ้านในพื้นที่ เมืองพญาตองซู ซึ่งเป็นพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง และเป็นเขตอิทธิพล KNU และ DKBA ซึ่งให้การสนับสนุนชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้ ส่งผลให้ยังไม่ปรากฏภาพที่ ทหาร ตำรวจ เมียนมา ออกมาใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ประกอบกับหากประเมินจำนวน ทหาร ตำรวจ ของเมียนมา ที่ประจำอยู่ในพื้นที่ มีจำนวนน้อยกว่า กองกำลังทหาร KNU DKBA ที่อยู่ในพื้นที่หลายเท่า

ขณะที่บรรยากาศบริเวณหน้าด่าน ตม.พญาตองซู เมียนมา ตรงข้าม ด่าน ตม.สังขละบุรี บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องทางด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี วันนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา พบประชาชนเดินทางไปมาภายในเมืองพญาตองซูเพียงเล็กน้อย โดยประชาชนส่วนใหญ่เก็บตัวอยู่ในบ้าน เช่นเดียวกับการเดินทางข้ามเมือง ตอนนี้ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากทหารเมียนมาได้มีการตั้งด่านตรวจและห้ามประชาชนเดินทางข้ามเขต ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

ขณะที่ในพื้นที่ กองกำลัง KNU พล.น.4 ทหารกะเหรี่ยงยังคงออกมาช่วยคุ้มกันประชาชนเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยง ที่ออกมาชุมนุมทางการเมือง ในพื้นที่ บ.มิคำบ่อ/ คอเปาะ อ.เมตตา จ.ทวาย ประเทศเมียนมา ตรงข้าม บ.แปลงสี่(4) และ บ.แปลงห้า(5) อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านเผด็จการทหารได้เดินขบวนประท้วงบนท้องถนนในพื้นที่เขตหมู่บ้าน ซึ่งการประท้วงเป็นไปอย่างสงบ โดยไม่ปรากฏสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ผู้ประท้วงเมียนมาฝ่าวงล้อม ตร. หมายหัวเอาผิดเคอร์ฟิว

ผู้ชุมนุมหลายพันคนท้าทายคำประกาศเคอร์ฟิวในเวลากลางคืนออกมาเคลื่อนไหวในถนนสายหลัก เพื่อสนับสนุนกลุ่มเยาวชนที่ชุมนุมประท้วงในเขตซานจอง กลางนครย่างกุ้ง ซึ่งนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจ และควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเมียนมาตกอยู่ในความโกลาหล โดยกองกำลังรักษาความมั่นคงเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 60 คน และควบคุมตัวมากกว่า 1,800 คน
          
นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (8 มี.ค.) ตำรวจได้ปาระเบิดและยิงปืนขู่ผู้ชุมนุมในเขตซานจองเพื่อไล่ผู้ชุมนุมกลับที่พัก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบผู้เดินทางออกนอกเขตที่พักในช่วงเวลาประกาศเคอร์ฟิวและลงโทษผู้ที่ซ่อนตัวตามสถานที่ต่างๆ
          
นายทอม แอนดรูส์ ทูตพิเศษของสหประชาชาติ ประจำเมียนมา ได้ออกมาเรียกร้องผ่านทางทวิตเตอร์ ให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ประท้วงทันที และให้ยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า "ยุทธวิธีแบบก่อการร้าย"
          
ด้านสถานทูตชาติตะวันตกหลายแห่ง รวมถึงสหรัฐ , สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ก็ได้ออกมาทวีตแสดงความวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นตามแอ๊คเค้าท์ และวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย ผู้คนจากทั่วเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา ได้พากันละเมิดระเบียบเรื่องเคอร์ฟิวในเวลา 20.00 น. และพากันออกมาตามท้องถนน เมื่อข่าวเรื่องสถานการณ์ของผู้ประท้วงแพร่กระจายออกไปอย่างในเขตอินเส่ง ประชาชนพากันกระจายตัวไปตามบริเวณทางแยกของถนน เพื่อร้องเพลง และตะโกนคำขวัญสนับสนุนประชาธิปไตยและการต่อสู้ร่วมกัน
          
กลยุทธ์นี้ดูเหมือนจะทำให้ตำรวจสับสน และไม่สามารถรับมือกับจำนวนคนที่มากเกินไป ทำให้พวกเขาเบี่ยงเบนความสนใจจากการไล่ต้อนผู้ประท้วงที่จนมุมอยู่ในเขตซานฉ่อง ของเมืองย่างกุ้ง
          
นอกจากนี้ มันยังเป็นวิธีแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพวกเขาในการต่อต้านรัฐบาลทหารและนับเป็นการปฏิเสธเคอร์ฟิวในระดับที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบังคับใช้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือไม่นานหลังจากที่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามปกติ ช่วงเวลากลางคืน ถือเป็นช่วงที่อันตรายมากขึ้นในเมียนมา เมื่อตำรวจและกองทัพออกตรวจตามพื้นที่ใกล้เคียงเป็นประจำ มีการยิงแบบสุ่ม เพื่อข่มขู่ผู้อยู่อาศัยและรบกวนการนอนหลับ รวมทั้งเข้าจับกุมเป้าหมายของทางการ
          
กองกำลังความมั่นคงได้เพิ่มความพยายามที่จะบดขยี้การต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพ แต่จนถึงตอนนี้ ประชาชนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหวาดกลัว แม้ว่าพวกเขายิงกระสุนจริงใส่การเดินขบวนและการชุมนุมอย่างสงบในหลายเมืองในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบรายก็ตาม

แม่ชีพม่าคุกเข่าต่อหน้า ตร.ขอหยุดยิงผู้ชุมนุมประท้วง

โลกโซเชียลแห่แชร์ ภาพสุดสะเทือนใจ เมื่อแม่ชีคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้าตำรวจในเมืองทางตอนเหนือของประเทศพม่า เพื่อร้องขอให้ตำรวจหยุดยิงผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร โดยแม่ชีที่ออกมาแสดงความกล้าท้ากระบอกปืนในเหตุการณ์ครั้งนี้ คือ ซิสเตอร์แอน โรส นู ตอง โดยสื่อต่างแชร์ภาพขณะที่เธอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนถนนในเมืองมิตจีนาวานนี้ เพื่อพูดเจรจากับตำรวจให้หยุดยิงผู้ชุมนุมประท้วง โดยจากภาพจะเห็นตำรวจ 2 นาย นั่งคุกเข่าพนมมือรับฟังแม่ชีอยู่เช่นกัน
          
ซิสเตอร์แอน โรส นู ตอง ได้กล่าวเปิดใจ หลังเหตุการณ์ว่า เธอได้บอกกับตำรวจ ว่าเธอไม่ต้องการเห็นปัญหาใดๆ ที่นี่ และเธอจะไม่ไปไหนจนกว่าตำรวจจะถอยออกไป และยังขอร้องให้พวกเขาอย่ายิงเด็กๆ ก่อนที่แม่ชีจะก้มหัวลงกับพื้น และมีตำรวจอีก 1 นายก้มหัวตาม อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้กล่าวกับแม่ชีว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งนี้จะช่วยหยุดการชุมนุมประท้วงได้ มีรายงานว่าผู้ชุมนุมประท้วงอย่างน้อย 2 คน ถูกยิงศีรษะเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน ในเมืองมิตจีนา จากการชุมนุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
          
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ซิสเตอร์แอน โรส นู ตองแสดงความกล้าหาญออกมาปกป้องประชาชนแบบนี้ เพราะเมื่อเดือนก่อน เธอก็เคยออกมายืนขวางกลางอยู่ระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงและแนวตำรวจ เพื่อร้องขอให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้ความรุนแรงเช่นกัน โดยตอนนั้นแม่ชีแอนเปิดใจว่า เธอคิดว่าตัวเองคงต้องจบชีวิตลงในวันนั้นแล้ว