วันศุกร์ ที่ 03 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 17.11 น.
ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทย
ปลุกพลังบุคลากรกลุ่มธุรกิจ TCP สู่การเติบโตเชิงนวัตกรรม
เบื้องหลังของการพลิกโจทย์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก ไม่ได้เกิดจากการขับเคลื่อนธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่การสร้างความแตกต่าง ต้องเริ่มจาก “พลังของคน” ที่กล้าคิดกล้าทำ พร้อมหัวใจที่ขับเคลื่อนด้วย “นวัตกรรม” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่กลุ่มธุรกิจ TCP เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มอย่าง กระทิงแดง เรดบูล เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ และอีกมากมาย ยึดถือมาโดยตลอด โดยองค์กรมุ่งเดินหน้าปลูกฝังแนวคิดที่ผสานนวัตกรรมในทุกระดับ ตั้งแต่ฝ่ายการวิจัยและพัฒนา ที่ถือเป็นต้นน้ำของไอเดียใหม่ๆ ไปจนถึงฝ่ายการตลาด ที่เป็นสะพานเชื่อมความต้องการผู้บริโภคสู่นวัตกรรมสินค้าและต่อยอดสู่สายการผลิต แม้แต่ละบทบาทจะแตกต่างกัน แต่ทุกกระบวนการล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังบุคลากรของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่เชื่อว่านวัตกรรมคือคำตอบของความสำเร็จ
“ฝ่าย R&D เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างฝ่ายมาร์เก็ตติ้งและกระบวนการหลังบ้านเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด หน้าที่หลักของเรา คือการแปลงโจทย์ของผู้บริโภคให้กลายเป็นนวัตกรรมที่จับต้องได้ เราต้องฟัง Pain Point ของผู้บริโภคว่ามีปัญหาในจุดไหน แล้วนำมาต่อยอดให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” นางสาว มณพัช เดชาวุธ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนา – ผลิตภัณฑ์ใหม่และเทคนิคเชิงวิทยาศาสตร์ กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าว พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่เชื่อมโยงนวัตกรรมว่า “เมื่อหลายปีก่อน ได้มีโอกาสร่วมคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ BESTURAL (เบสท์เซอรัล) ภายใต้โครงการ TCP Incubator ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานตั้งทีมและนำเสนอไอเดียผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เราเริ่มจากโจทย์ที่ชัดเจนว่า อยากลองทำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม ในช่วงเวลานั้นกระแสอาหารเสริมกำลังมาแรง เราจึงลงไปพูดคุยกับตลาดจริงๆ และพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่สนใจคอลลาเจนในรูปแบบที่ทานง่าย คำถามคือจะทำอย่างไรให้ได้ทั้งคอลลาเจนเข้มข้น แต่ยังคงรสชาติอร่อย คำตอบจึงออกมาเป็นคอลลาเจนรูปแบบกัมมี่ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครเคยทำในประเทศไทย ทำให้เราได้เรียนรู้อีกอย่างว่า การคิดไอเดียออกจากกรอบเดิมๆ ถือเป็นส่วนเสริมสำคัญเช่นกันในการสร้างความแตกต่างให้กับตลาด”

นายศุภกฤษณ์ ลำใย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แบรนด์ BESTURAL กลุ่มธุรกิจ TCP อีกหนึ่งผู้ร่วมคิดค้นผลิตภัณฑ์ BESTURAL กล่าวเสริมว่า “ นวัตกรรมที่แท้จริงต้องตอบโจทย์ Pain Point ของผู้บริโภคได้ตรงจุด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วนำข้อมูลนั้นมาพัฒนาสินค้า BESTURAL จึงเป็นตัวอย่างที่สะท้อนการผสานนวัตกรรมรูปแบบอาหารเสริมกับความต้องการในตลาดได้อย่างชัดเจน จุดแข็งของการพัฒนาผ่านโครงการ TCP Incubator คือการทำงานแบบสตาร์ทอัพ เน้นความรวดเร็ว คล่องตัว และตัดสินใจได้ไว หากไม่ตอบโจทย์ก็ลุกมาคิดใหม่ได้ทันที ตามแนวคิด Fail Cheap, Learn Fast ที่ช่วยให้ทีมเรียนรู้จากความผิดพลาดและพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น BESTURAL เริ่มต้นจากการแก้ Pain point ของผู้บริโภคที่ไม่สะดวกกับอาหารเสริมแบบผง หรือเม็ดใหญ่ติดคอ รวมไปจนถึงให้ความรู้สึกเหมือนกินยา ทางทีมจึงพัฒนาเป็นคอลลาเจนกัมมี่ที่ทั้งได้ประโยชน์ อร่อย และทำให้ทุกครั้งที่กินเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ได้หยุดแค่วันที่ออกสู่ตลาด แต่ต้องเดินหน้าตลอดเวลา อย่าง BESTURAL เราได้ต่อยอดการพัฒนาร่วมกับ DHC แบรนด์อาหารเสริมและวิตามินชั้นนำจากญี่ปุ่น ถือเป็นการผสานนวัตกรรมในรูปแบบ Business Matching จนออกมาเป็น BESTURAL X DHC ที่ผสานความรู้และความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่าย ล่าสุด เรายังพัฒนาสูตรใหม่แบบไม่เติมน้ำตาล ตอบโจทย์ทิศทางตลาดด้านสุขภาพและการบริโภคที่ยั่งยืน พร้อมเพิ่มความหลากหลายด้วยรสชาติยูสุและองุ่นเคียวโฮ ซึ่งสะท้อนการพลิกโจทย์นวัตกรรมที่ผสานทั้งมิติการตลาดและการคิดค้นใหม่ๆ เข้าด้วยกัน”
หากไอเดียสร้างสรรค์เปรียบเสมือนต้นน้ำของการคิดค้น ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตของกลุ่มธุรกิจ TCP อาจเปรียบได้กับ “หัวใจหลังบ้าน” ที่ทำให้ทุกแนวคิดถ่ายทอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงส่งถึงมือผู้บริโภค นายอภิชาต บุญเรืองถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ความปลอดภัย และความยั่งยืน กลุ่มธุรกิจ TCP เล่าถึงประสบการณ์ตลอดสามปีในการดูแลงานด้านวิศวกรรม ความปลอดภัย และความยั่งยืน ณ โรงงานของกลุ่มธุรกิจ TCP จังหวัดปราจีนบุรี ว่า “ผมมองการผสานนวัตกรรมเป็นสองด้าน ด้านแรกคือการพัฒนาเทคโนโลยี และอีกด้านคือการเปลี่ยนวิธีคิดของทีมทำงานจากเดิมที่มองเพียงการซ่อมเมื่ออุปกรณ์เสีย ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปตั้งคำถามว่า ‘เราจะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมอย่างไร’ อีกหนึ่งในตัวอย่างคือการพัฒนา AI สำหรับควบคุมเครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงาน ที่ทีมวิศวกรพัฒนาขึ้นเอง แทนการพึ่งพาโปรแกรมสำเร็จรูปจากซัพพลายเออร์ที่บางครั้งไม่ตรงกับความต้องการทั้งหมด ผลลัพธ์คือโซลูชันที่ทีมต่อยอดได้เอง ซึ่งหากพัฒนาสำเร็จจะทำให้โรงงานไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ โดยผมมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความมั่นใจให้ทีมงานสามารถนำทักษะไปต่อยอดกับงานอื่นๆ ได้”
นอกจากการพัฒนาภายในองค์กร กลุ่มธุรกิจ TCP ยังได้ลงนามความร่วมมือกับ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมดาราศาสตร์ขั้นสูงสู่การประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการผลิต “ทาง NARIT มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนากล้องโทรทรรศน์เพื่อศึกษาวัตถุบนท้องฟ้าอยู่แล้ว ซึ่งความเชี่ยวชาญนี้สามารถนำมาปรับใช้กับร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและการผลิต เราจึงได้แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน จนสามารถพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบขึ้นอย่าง โมเดล High Precision Machining เทคโนโลยีขึ้นรูปชิ้นงานความละเอียดสูง หรือเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพถ่าย ซึ่งนำองค์ความรู้จากการพัฒนากล้องโทรทรรศน์ มาตรวจสอบข้อบกพร่อง (Defect) ในผลิตภัณฑ์ที่
สายตาเราอาจมองไม่เห็น ปัจจุบันเราคืบหน้าไปได้ประมาณ 80% ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมประยุกต์ใช้ต่อไป” นายอภิชาต กล่าวเสริม
อีกก้าวสำคัญของการผสานนวัตกรรมสู่การยกระดับกระบวนการผลิต คือการพัฒนาระบบ Smart Manufacturing ในโรงงานของกลุ่มธุรกิจ TCP ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง REPCO NEX (REPCO Industrial Solutions) บริษัทในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี หรือ SCGC เพื่อผสานนวัตกรรมตั้งแต่การติดตามข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ ผ่านการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต คุณภาพสินค้า ต้นทุน และพลังงาน รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติงานที่สอดคล้องอย่างเป็นระบบ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือการ ส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูง สม่ำเสมอ และตรงตามมาตรฐาน อันเป็นพื้นฐานของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน
“ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ความสำเร็จเริ่มต้นจากบุคลากรของเรา” นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าว “กลุ่มธุรกิจ TCP ให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ในองค์กร เพราะเราเชื่อว่า การจะก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมได้จริง ต้องเริ่มจากการปลูกฝังแนวคิดที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมให้กับบุคลากรทุกคน เราจึงมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มศักยภาพ ตั้งแต่การพัฒนากระบวนการผลิตด้วยระบบ Smart Manufacturing การต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านโครงการด้านนวัตกรรมในทุกภาคส่วน ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับองค์กรนวัตกรรมชั้นนำ สิ่งเหล่านี้คือการตอกย้ำว่า การปลุกพลังบุคลากรด้วยหัวใจแห่งนวัตกรรม ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงของเรา”
“นวัตกรรม” ถือเป็นพลังขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากทุกภาคส่วนขององค์กร ผลลัพธ์จึงไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง แต่ยังทำให้กลุ่มธุรกิจ TCP พร้อมรังสรรค์สินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร สู่แรงผลักดันในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยอย่างแท้จริง