การตลาด
“มะเร็ง” จุดเปลี่ยนชีวิต! “นภาพัฒน์ เอนกพงษ์” ใช้สปอร์โพรไบโอติกซ่อมร่าง ปั้นแบรนด์สุขภาพ “BIRA”
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

หัวใจนักสู้ของ “นภาพัฒน์” จากการป่วยสู่การสร้างแบรนด์สุขภาพไทย “BIRA” ด้วยนวัตกรรมสปอร์โพรไบโอติก พร้อมขยายตลาดสู่ CLMV ภายใต้การสนับสนุนของ SME D Bank
การเริ่มต้นธุรกิจของใครหลายคน อาจเกิดจากความหลงใหล หรือ เป็นการสืบทอดกิจการรุ่นสู่รุ่น แต่ไม่ใช่สำหรับ “นภาพัฒน์ เอนกพงษ์” กรรมการผู้จัดการบริษัท เลอ โบมอนท์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ แบรนด์ BIRA เพราะธุรกิจของเธอเริ่มต้นจาก “การป่วย” นำไปสู่การใช้จริง หลงใหล บอกต่อ และอยากส่งต่อผลิตภัณฑ์จนเป็นธุรกิจสายสุขภาพ
พลิกจากป่วย สู่ธุรกิจ ปั้นแบรนด์สุขภาพ สปอร์ โพรไบโอติก
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนหน้า “นภาพัฒน์” พบว่าตนเองป่วยเป็น “มะเร็งเต้านม” ในห้วงของการรักษาทำให้ผมร่วง ผิวแห้ง จึงลงมือศึกษาหาผลิตภัณฑ์สุขภาพมาใช้กับตัวเองก่อน เพราะในตลาดไม่มีผลิตภัณฑ์ใดตอบโจทย์ “ปัญหา” ที่เธอเจอ จนมาเจอนวัตกรรม สปอร์ โพรไบโอติก ที่ไม่ได้อยู่ในนมเปรี้ยว โยเกิร์ต หรือ น้ำหมัก แบบที่ใครคุ้นเคย แต่มาในรูปแบบของยาสระผม เจลอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว ครีมทาหน้า โฟมล้างหน้า และเจลล้างจุดซ่อนเร้น ที่ ปลอดกลุ่มน้ำมันปิโตรเลียม ปลอดแอลกอฮอล์ ปลอดน้ำหอม กรด และสารระคายเคือง สามารถแก้ปัญหากลิ่น และ ตกขาวได้
“ใช้เอง ใช้ดี เห็นผล บอกต่อ จนเกิดเป็นธุรกิจ” เธอเล่าว่า เมื่อเริ่มนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ เพื่อนเริ่มทัก “ทำไมผิวนุ่ม ผมสวย สุขภาพดี” จากเดิมที่หาให้เพื่อนใช้ เกิดการบอกต่อ ในที่สุดจึงคิดนำมาทำเป็นอีก 1 ธุรกิจของตนเอง
“นภาพัฒน์” กล่าวว่า ก่อนหน้าทำแบรนด์ BIRA เธอทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าเวชภัณฑ์เพื่อปศุสัตว์ ซึ่งปกติต้องหานวัตกรรมใหม่ๆเพื่อนำเสนอกับบริษัทใหญ่ในประเทศไทยเพื่อหาความต่างจากคู่แข่งเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อได้ศึกษาเรื่อง สปอร์ โพรไบโอติก จึงค้นพบว่า สปอร์ โพรไบโอติก ต่างจาก โพรไบโอติก ที่ไม่ทนร้อน แต่ สปอร์ โพรไบโอติก มีคุณสมบัติ อึด ทึก ทน คือทนร้อน 60 องศา และมีชีวิตยาวนาน 12 -24 ชั่วโมง
ทำให้เธอมั่นใจว่า แบรนด์ BIRA เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์สายสุขภาพ จึงเริ่มสื่อสารทางการตลาดเป็นแนวให้ความรู้เรื่องสุขภาพและสอดแทรกข้อดีของ สปอร์ โพรไบโอติก และสินค้าให้ลูกค้ารับรู้ ว่ามีสินค้านี้แทนการใช้สารเคมีที่มีอยู่ในตลาดจำนวนมาก
ตลาดออนไลน์สำคัญ อินฟลูเอนเซอร์มีส่วนปั้นยอดขาย
ถามว่าในการเริ่มทำธุรกิจนั้น ยากหรือไม่ “นภาพัฒน์” ตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่ยาก เพราะใจรัก และ มีแพชชั่น” กับเรื่องสุขภาพ ต่อให้ยากขนาดไหนก็ต้องไปให้ถึง แต่หากย้อนไปเมื่อ 10 ปี ก่อน คนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักคำว่า โพรไบโอติก เท่ากับทุกวันนี้ ทว่าเมื่อถึงวันนี้ เธอ มั่นใจว่า ได้เวลาของตลาดนี้แล้ว
“นักธุรกิจเรื่องเวลาเป็นเรื่องสำคัญ การทำอะไร ถูกที่ ถูกเวลา สำคัญมาก จึงจำเป็นมากที่ต้องเริ่มไปก่อนที่เวลาจะมา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา เตรียมความพร้อม ให้เข้าใจถ่องแท้ หรือ เริ่มทำธุรกิจไปก่อน และรอจังหวะที่เวลาของมันจะมาให้พอดีกัน”
แน่นอน ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องการตลาดออนไลน์ก็สำคัญมากในยุคนี้ เช่นกัน เวลาว่าง คนมักอยู่กับโทรศัพท์ ดังนั้น สื่อออนไลน์ จึงสำคัญมาก เราต้องใช้ให้มีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งยอมรับว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้มองเรื่องการใช้ อินฟลูเอนเซอร์ เป็นหลักในการสร้างยอดขาย เมื่อได้เข้าร่วมโครงการกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โครงการ “อินฟลูฯ ไลฟ์ เอสเอ็มอี รวย” ดึงคนดังโลกออนไลน์ช่วยลูกค้าดันยอดขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในการช่วยเหลือเพิ่มช่องทางตลาดให้แก่ลูกค้าธนาคาร ผ่านการ Live Commerce ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งยอมรับว่าทำให้ยอดขายของเธอเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ “แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น” ทำให้ “สินค้ามีตัวตนมากขึ้น”
“นภาพัฒน์” เล่าว่า นอกจากเรื่องการตลาดแล้ว SME D Bank ยังเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินทุน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก หากใช้เงินของตนเอง จะเติบโตช้า เมื่อมีเงินทุนจาก SME D Bank เข้ามาจะทำให้บริษัทเติบโตเร็วขึ้น ซึ่งเธอมีแผนในการขยายผลิตภัณฑ์สายสุขภาพเพิ่มเติมเร็วๆนี้ จากสินค้าที่ครอบคลุมการใช้ภายนอกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เธอเองวางแผนจะเพิ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการกิน รวมถึงเพิ่มจำนวนสินค้าจากเดิมที่มีอยู่ 6 ผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นด้วย
ตั้งเป้าขึ้นแท่นสินค้าเพื่อผู้หญิงสุขภาพ-บุกตลาด CLMV
แน่นอนว่า กลุ่มเป้าหมายของ BIRA คือผู้หญิงสายรักสุขภาพที่ไม่ต้องการมีสารเคมีตกค้างในร่างกาย โดยเฉพาะวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในวัยที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นและตกขาว เธอ ยอมรับว่า สินค้าของเธออาจมีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปในตลาด ดังนั้นวิธีการทำตลาดจึงต้องมีสินค้าเรือธงในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ เมื่อใช้แล้วดี มีคุณภาพ ก็จะเป็นประตูให้ลูกค้าใช้สินค้าตัวอื่นๆของเธอ โดยไม่กลัวเรื่องราคาอีกต่อไป
ไม่เพียงแต่ลูกค้าในประเทศเท่านั้น “นภาพัฒน์” ยังวางเป้าหมายในการบุกตลาดต่างประเทศโดยเริ่มจากประเทศในกลุ่ม CLMV คือ กัมพูชา (Cambodia), ลาว (Laos), เมียนมา (Myanmar), และเวียดนาม (Vietnam) เพื่อให้เขาได้รู้ว่าผลิตภัณฑ์แบบนี้มีดีในประเทศไทย
“นภาพัฒน์” กล่าวทิ้งท้าย สำหรับคนที่ต้องการเริ่มธุรกิจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เริ่มจากการวิเคราะห์ความต้องการของตลาด และจุดแข็งของสินค้า เธอเชื่อมั่นว่า การทำธุรกิจสามารถเริ่มได้ง่าย และมีจุดคิดนิดเดียว ง่ายๆ คือ “เริ่มจากการพัฒนาของที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น” หากคิดได้เช่นนี้ รับรองว่านักธุรกิจรุ่นใหม่ สามารถเริ่มต้นธุรกิจเหมือนกับตัวเธอได้อย่างแน่นอน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การตลาด
ข่าวในหมวดการตลาด ![]()
ซัมซุงบุก DOOH ทั่วกรุงเทพฯ ตอกย้ำภาพลักษณ์ Bespoke AI Laundry เครื่องซัก–อบที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนเมือง 17:40 น.
- “ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล” ผู้นำหญิงแห่ง “บีเจซี” 11:58 น.
- บีไชน์ เนเจอร์ซี อะเซโรลา เชอร์รี่ 1000 มก. วิตามินซีธรรมชาติ 100% สูตรเข้มข้น! 18:20 น.
- “โอโซน วิลล่า ภูเก็ต” ผนึกพันธมิตรยักษ์ใหญ่ เปิดวิสัยทัศน์สู่ศูนย์กลาง “Wellness Tourism” ระดับโลก 16:26 น.
- ผู้บริหาร SABINA คว้ารางวัลสุดยอดซีอีโอ ประจำปี 2568 จากสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ 13:46 น.