วันพุธ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567 00:37 น.

การเมือง

'บิ๊กตู่'ยันมีวินัยใช้งบปัดร่างรธน.เพื่อตัวเอง แจงสภาฯซักฟอกปมถวายสัตย์

วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562, 17.21 น.

วันที่ 18ก.ย.2562 เมื่อเวลา 15.15 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงถึงที่มาของงบประมาณที่นำมาบริหารประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในญัตติเปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ โดยยืนยันว่า การบริหารงบประมาณรัฐบาลและตนเคารพและดำเนินการตามนโยบายเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และคำนึงถึงผลดีผลเสียในการดำเนินการ มีการดูแลประชาชนทุกภาคส่วนทั้งประเทศ ป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองก่องบผูกพันจนเป็นภาระของงบประมาณ และคำนึงถึงผลดีผลเสียในการดำเนินการมีการดูแลประชาชนทุกภาคส่วนทั้งประเทศไม่ใช่ดูแลเฉพาะพื้นที่พรรคของตัวเองเท่านั้น ส่วนประเด็นที่มาของรายได้นั้น รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีนโยบายหลัก 12 ด้าน และมีนโยยายเร่งด่วนอีก 12 ด้าน
          
ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังรีดภาษีประชาชนโดยจัดเก็บภาษีอย่างเท่าเทียม ยุติธรรม ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายวินัยการเงินการคลัง รวมถึง พรบ.งบประมาณ พ.ศ.2561
          
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายหาเสียง แม้จะหาเสียงกันมาอย่างไรก็ตามตรงนั้นถือเป็นความต้องการของประชาชน และเป็นความตั้งใจของพรรคการเมือง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องดูในรายละเอียดตรงนี้ให้ดีที่สุดว่าทำได้หรือไม่อย่างไร ตนได้รวบรวมนโยบายของทุกพรรคการเมืองซึ่งมีความหลากหลายคล้ายคลึงกัน จัดกลุ่มอยู่ในนโยบาย 12 ด้าน ซึ่งรับนโยบายของทุกพรรคไม่เฉพาะแค่ของรัฐบาล แต่ถ้าเราตั้งวงเงินทั้ง 12 ด้าน จะใช้เงินมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลต้องบริหารงบประมาณที่มีอยู่เช่นปีนี้ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการใช้จ่ายแต่ละด้านอยู่แต่หากนำนโยบายทั้ง 12 ด้านมาบวกเพิ่มเราต้องหาเงินให้ได้ 5-6 ล้านล้านบาท จึงต้องซอยย่อยนโยบายออกมาแล้วทั้งหมดจะตอบตอนที่ทำงบประมาณปี 2563 ก็จะดูว่าจะนำเงินจากไหนมาใช้ตรงไหน ดังนั้นการเดินหน้าตามนโยบายต้องไปทีละขั้น เพราะต้องดูแลคนทุกภาคส่วนทั้งประเทศไม่ใช่ดูแลแต่เฉพาะพื้นที่พรรคของท่าน รัฐบาลนี้ไม่ได้มองอย่างนั้นเลย
          
“อันนี้ต้องเข้าใจมันไม่เหมือนเดิมทั้งสิ้น รัฐบาลก่อนหน้านี้กำหนดไว้อันเดียวเท่าที่ผมอ่านมาทั้งหมดแล้วมีอันเดียวคือนโยบายจำนำข้าว 15,000 บาทต่อเกวียน แล้วเป็นอย่างไรระบุไว้แล้วมันเป็นอย่างไร ท่านอย่าลืมตรงนี้ ผมไม่ไปกล่าวว่าใครทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
          
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านระบุว่ารัฐบาลนี้ก่อนหนี้สาธารณะเยอะตนจำเป็นต้องชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะฝ่ายค้านหยิบยกมาพูดในบางประเด็นเท่านั้น ต้องพูดในภาพรวม เมื่อสมัยรัฐบาลปี 2556-2557 พบว่ารัฐบาลช่วงนั้นเมื่อเทียบกับรัฐบาลเมื่อปี 2558-2562 แล้ว รัฐบาลชุดดังกล่าวกู้เงินเฉลี่ย 4.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้กู้เพียง 4.4 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่ากู้น้อยกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่าเศรษฐกิจวันนี้ไม่เหมือนปี 2540 วันนี้อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศบ้าง ถ้าไม่เชื่อมั่นก็มาว่ารัฐบาล เอาตัวเลขมาจากไหน
          
“ในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ตามที่มีการบอกว่าเป็นการร่างมาเพื่อผมนั้น ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.เป็นคนร่าง ผมไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับท่านเลย จำไว้ผมจะไม่ยุ่งกับเขา เมื่อสักครู่ท่านพูดคำว่า ผมไปใช้กลไกเหนือทั้ง 3 อำนาจ ผมพูดถึงกรณีมาตรา 44 ท่านอย่าเอาเฉพาะประเด็นมาพูดตรงนี้ผมพูดถึง 44 ตรงนั้นเพื่อจะปลดล็อคอะไรต่าง ๆ มันถึงได้ไงเพราะกฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้นท่านเอามาตี พันกันอย่างนี้ไม่ได้ ผมรับไม่ได้. อย่างไรก็ตามถึงแม้ 5 ปีที่ผ่านมาจะเป็นรัฐบาลก่อนหน้าการเลือกตั้งก็ตาม แต่ผมเคารพในหลักการของรัฐธรรมนูญทุกตัว จำเป็นต้องฟังผมบ้าง ผมไม่เคยที่จะไปล่วงละเมิดไม่มีที่จะทำอะไรเสียหาย ”
          
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงอย่างเดียว เดิมเรากำหนดให้ซื้อเฉพาะที่ร้านธงฟ้าแต่ปัจจุบันสามารถที่จะไปซื้อร้านข้างนอกได้ แต่ร้านค้าจะต้องขึ้นทะเบียนเพียงแต่บางร้านไม่ยอมขึ้นแล้วจะให้ต้นทำอย่างไรเรื่องนี้ฝ่ายค้านต้องช่วยตน ไม่ใช่ไปตีอยู่ข้างล่าง แล้วถ้าฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก็จะรู้ว่าตัวเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน
          
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงของการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอโทษสมาชิกเป็นระยะ ถึงการพูดเสียงดังและการพูดเร็ว ระบุว่าเป็นเพราะเวลามีจำกัด โดยนายกรัฐมนตรีโดยใช้เวลาในการชี้แจง 25 นาที และเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีการชี้แจงในเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติ ทั้งนี้ก่อนจบ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยมุกพร้อมยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี โดยกล่าวว่า “ วันนี้ก็ขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายนะคร้าบ จะเห็นว่าผมก็ยิ้มให้ท่าน จะท่านหมอหรือท่านอะไรผมก็ยิ้มให้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าวันนี้ผมดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมรักท่านทุกคนนั่นแหละ เพราะท่านคือคนไทย นี่คือประเทศไทยประเทศนี้ ท่านไม่ใช่คนประเทศอื่น จะเอากันให้เป็นให้ตายหรืออย่างไร แล้วประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ประชาชนของท่านจะอยู่ตรงไหน เอาละขอจบคำชี้แจงเพียงเท่านี้ “ ก่อนส่งยิ้มหวานให้กับสมาชิกในห้องประชุม 

หน้าแรก » การเมือง