เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขั้นตอนการขานชื่อลงคะแนนตามตัวอักษรเป็นรายบุคคล เพื่อลงมติจะตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากประกาศ คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 หรือไม่ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยให้ตั้งกมธ.ดังกล่าวด้วยคะแนน 244 ต่อ 5 งดออกเสียง 6 โดยที่ส.ส.ฝ่ายค้านที่ไม่ร่วมโหวตญัตติดังกล่าว

          
ทั้งนี้ 5 เสียงที่ลงมติเห็นด้วยให้ตั้งกมธ.วิสามัญฯ 5 เสียงเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ 4 คนคือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และพรรคอนาคตใหม่ 1 คน คือน.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี 

ส่วนที่งดออกเสียง 6 คนได้แก่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ นายจารึก ศรีอ่อน และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา 2 ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ และนายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ
          
นอกจากนี้ยังมีส.ส.บางส่วนที่กดบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ไม่ยอมร่วมโหวตญัตติจะตั้งกมธ.อาทิ นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ
          
ก่อนหน้านั้นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมากล่าวย้ำว่า มติพรรคให้โหวตตามมติรัฐบาล หากมีส.ส.ฝืนมติของพรรคจะมีการลงโทษหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของเลขาธิการพรรคที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

เพื่อไทยป่วนจ่อเชือด"งูเห่า"รับกล้วย

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีส.ส.ฝ่ายค้านไปร่วมเสียบบัตรเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาล ว่า ขอฟังเหตุผลก่อนยังไม่สรุปเป็นงู่เห่าหรือไม่ ถ้าเชื่อได้ว่าไม่มีอามิสสินจ้างไม่ถือเป็นงูเห่า แต่หากฟังแล้วเชื่อได้ว่า มีการแลกเปลี่ยน การซื้อ จ่ายเงิน อาจเรียกเป็นงูเห่าได้ ต้องให้ความเป็นธรรมและให้เขาชี้แจงก่อน ส่วนนายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย บอกเสียบบัตรแสดงตนคาไว้จะเชื่อหรือไม่ ขอรับฟังไว้ก่อน ยังเร็วไปจะตัดสินเพราะยังไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ส.ส.เพื่อไทย 3 คนที่ไปเป็นองค์ประชุมเลย

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่มีส.ส.ของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ทำตามมติพรรค เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะต้องไปพูดคุยกับส.ส.ตัวเอง ส่วนตัวรู้ตั้งแต่ก่อนการนับองค์ประชุมแล้วว่า ทางฝ่ายรัฐบาลต้องมาเกมนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่า จำนวนผู้ที่แสดงตนเป็นองค์ประชุมจะมีมากถึง 10-11คน
          
"เราประเมินว่ามีเพียง 6-7คนเท่านั้น แม้ในจำนวนนี้จะมีส.ส.พรรคเพื่อไทยอยู่ด้วย ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น รู้สึกแปลกใจกับบางคน แม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจว่าการเมือง ก็เป็นแบบนี้ มาตราลงโทษ ทางพรรคคงจะเรียกมาพูดคุย แต่จะไม่ไปทำโทษอะไรอะไรรุนแรง ไม่มีการขับออก เพราะเรื่องอย่างนี้อยู่ที่สามัญสำนึก"นายสมคิด กล่าว 

"ขจิต"อ้างเสียบบัตรคาไว้ก่อนออกไปประชุมกมธ.

นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีชื่อแสดงตนเป็นเป็นองค์ประชุว่า หลังจากองค์ประชุมครบแล้วตนก็ไปลงชื่อว่ามาประชุม เพราะมาประชุมไม่ได้ ซึ่งไม่ได้มีผลอะไรแล้วนี่ เสร็จแล้วก็ขึ้นไปประชุม กมธ.งบประมาณ เป็นประธานอนุกมธ.พิจารณางบฯของกระทรวงศึกษาในเวลาเดียวกับที่มีการแสดงตน โดยระหว่างที่มีการแสดงตนไม่ได้อยู่เลย อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มาชี้แจงก็สามารถยืนยันได้ อย่างไรก็ตาม ปกติเวลาลงชื่อมาร่วมประชุมแล้ว ตัวเองก็จะรับบัตรแสดงตนมา เราก็เอามาเสียบไว้ ซึ่งเราเสียบไว้ทุกวัน

เมื่อถามย้ำอีกว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะเทใจให้รัฐบาลใช่หรือไม่ นายขจิต กล่าวว่า ไม่มีเจตนา ครั้งก่อนก็เหมือนกัน บัตรไม่เคยเอาออกจากที่กด เพราะตนเสียบบัตรคาไว้ เมื่อรีบบัตรมาก็เสียบไว้ไม่เคยเอาคืน พอเลิกประชุมเจ้าหน้าที่เขาก็มาดึงกลับไป
 
"ปิยบุตร"เตรียมนำเข้ากมธ.กฎหมายฯ

 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากนี้ไปในสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องเข้าสู่คณะกมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุยชนที่ตนเป็นประธาน เพื่อพิจารณาคำสั่งตามมาตรา 44 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งคณะอนุ กมธ. ศึกษาเอาไว้แล้ว โดยจะครอบคลุมไปถึง พ.ร.บ.บางฉบับที่ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้วย อย่างไรก็ตามการตรวจสอบจะไม่ได้เน้นไปที่ตัวบุคคล แต่จะดูผลกระทบของมาตรา 44 ที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ซึ่งคิดว่าคงไม่ถึงขั้นที่จะต้องใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของ กมธ. เพื่อเรียกบุคคลมาชี้แจงแต่อย่างใด
          
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า จากมติสภาที่เกิดขึ้นทำให้ตนมีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีผลกระทบต่อญัตติการตั้ง กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สภาจะพิจารณาในสัปดาห์หน้า เนื่องจากในการประชุมสภาวันนี้ ตนและฝ่ายค้านบางส่วนได้มีการเตรียมข้อมูลที่จะอภิปรายในญัตติดังกล่าวต่อจากเรื่องมาตรา 44 แต่ปรากฏว่าวิปรัฐบาล และรองประธานสภาได้มีการปิดประชุมอย่างกะทันหัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาสิ้นสุดการประชุมในเวลา 21.00 น. แต่กลับมีการปิดประชุมในเวลา 19.00 น.แทน จากตรงนี้ทำให้มีข้อสงสัยและน่าคิดว่าเมื่อถึงการพิจารณาญัตติดังกล่าวในสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องใดมาแทรกจนทำให้ต้องเลื่อนญัตติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นสังคมก็ควรจะต้องตั้งคำถามต่อฝ่ายรัฐบาล