การเมือง
วุฒิสภาถกงบฯ63 "อภิชาติ"ชงโมเดลบันได 3 ขั้น สร้างศก.ฐานรากสู้ยุคดิสรัปชั่น
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วุฒิสภาถกงบฯปี2563 "อภิชาติ" หนุนงบฯสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข็มแข็งรองรับยุคดิสรัปชั่น เสนอโมเดลบันได 3 ขั้นทางออกบูรณาการของรัฐ แนะเลิกแจกเบ็ด ปชช. แต่ให้ลุกขึ้นสู้ตั้งเป้าหมายชีวิตตัวเอง และพร้อมทำร่วมกับภาครัฐ
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ส.ว. อภิปรายในมาตรา 49 งบประมาณรายจ่ายบูรณาการการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก หรือเศรษฐกิจไมรโคร ที่แม้จะเป็นเศรษกิจขนาดเล็กแต่ผลกระทบที่เกิดกับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งในงบรายจ่ายปี 2563 ที่กำหนดไว้ในหมวด 4 จำนวน 15 มาตรา น่าจะเป็นมิติใหม่ของรัฐบาล คสช.และรัฐบาลชุดนี้ที่กำหนดขึ้นมา ในงบประมาณ 2.3 แสนล้านลาท หรือ7.3% โดยในมาตรา 49 ที่มีการบูรณาการเศรษฐกิจฐานรากถึง 6 กระทรวง แม้จะใช้งบประมาณไม่มาก แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ตนเห็นด้วย คือ จำนวน 3,018 ล้านบาท ตนสนับสนุนเพราะรวมเรื่องสำคัญไม่แยกส่วน ทำให้ไม่เป็นเงินเบี้ยหัวแตก การเกิดผลรับที่ชัดเจนกระทบมหาศาล และประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นได้ง่าย และความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณ
ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้หากดูในภูมิภาคหรือ ชนบท จากที่ตนลงไปหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบมาก รายได้ไม่พอรายจ่าย ชาวบ้านบ่นเงินในกระเป๋าหายไปไหนหมด ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้ว่าสองจว. และทำงานอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนมา ขณะนี้เราได้ยินคำว่าดิสรัปชั่น หรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทีไปเร็วมาก ที่มีผลกระทบถึงท้องถิ่นทั้งในไทยและทั้งโลก ขณะนี้อีคอมเมิชในไทยโตปีละ7-8 %เกือบเท่างบประมาณประเทศ ส่งผลกระทบหลายเรื่องพฤติกรรมการตลาดเปลี่ยนไปหมด ระบบการค้าทางออนไลน์ ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบเปลี่ยนไป เม็ดเงินใหม่ที่คิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนเป็นระบบอิเล็กทรอนิค ทำให้เงินหมุนในระบบค่อนข้างยาก ส่งผลกระทบอย่างมากไม่ว่าในเมืองหรือชนบท
นายอภิชาติ กล่าวว่า การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน ตนเอาค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยประมาณคนละสามร้อยบาทต่อวัน เห็นว่าไม่น่าจะพอ ทั้งค่าที่พัก ค่ากิน น้ำไฟ จิปาถะทำให้เงินในกระเป๋าเริ่มหายไป และที่น่าสนใจคือหนี้ครัวเรือน ขณะนี้คนในชนบทเป็นหนี้เร็ว หนี้มาก และหนี้นาน ซึ่งธปท.ระบุหนี้ภาคครัวเรือนคนไทยว่าเป็นหนี้ประมาณ 78.6% ของจีดีพี ถ้ายืนอยู่ในน้ำหนี้ครัวเรือนระดับนี้คงใกล้ถึงจมูกแล้ว นี่คือปัญหาตามมาที่เงินชาวบ้านไม่พอใช้ทุกวันนี้
กองทุนชุมชนขณะนี้กรมกรมพัฒนาชุมชนมีการสำรวจหมู่บ้าน 940 แห่ง กองทุนในชุมชนต่างๆมีน้อยที่สุดคือ 9 กองทุน มีมากสุ ด31 กองทุน เฉลี่ยในหนึ่งหมู่บ้านจะมีเงินอยู่12-15ล้านบาท ที่เป็นลักษระกองทุน การที่มีกองทุนมากสุดถึง31 กองทุนในหนึ่งหมู่บ้าน สิ่งที่ตามมาชาวบ้านมีแหล่งกู้ในการกู้เงิน บางคนกู้ 3-4 สามสิ่งที่ตามมาคือใช้เงินไม่ไหว ก็กู้หนี้นอกระบบตามมา
นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า ปัญหาเงินทุนหมุนเวียน ตัวอย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งความจริงมีวุตุประงสค์ชัดเจนและช่วยเลหือประชาชนได้มาก แต่มีปัญหาที่ต้องแก้เพิ่มเติมคือสินค้าที่นำลงไปให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยเป็นสินค้าโรงงานส่วนใหญ่ เช่นน้ำมันพืช นำ้ตาลทราย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ถือเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ แต่เมื่อรูดแล้วเงินจะกลับมาส่วนกลางทันที การต้องการให้หมูนในชุมชน 4-5 รอบก็ไม่ทัน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนใหญ่แต่ละปีมีงานประเพณีต่าง เช่น งานวัด การแข่งขันกีฬา เป็นนการหมุนในชนบทดีที่สุด ซึ่งควรมีการสนับสนุนและกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียน
นอกจากนี้เราเห็นปัญหาห่วงโซ่ของระบบเศรษฐกิจในชุมชน ซึ่งงานวิจัยสกว.ได้ตัวเลขคราวๆระบุว่าห่วงโซเศรษฐกิจชุมชนมีตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งต้นน้ำก็คือ ชาวบ้าน ได้กำไรจากการผลิตสินค้าเพียง 2-5% ฟังแล้วน่าตกใจ ส่วน กลางน้ำคือ คนแปรรูป รวบรวมสินค้า และปลายทาง คนขาย ได้ 50% ซึ่งเป็นสภาพข้อเท็จจริงที่เกิดในชนบทลักษณะคล้ายปลาใหญ่กินปลาเล็ก โครงสร้างนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร
อดีตอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ได้เสนอแนวทางแก้ไข คือการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งในหลวงตรัสถึงเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐานและขั้นก้าวหน้า ซึ่งตนขอเสนอโมเดลบันได3 ขั้น คือ ขั้นที่1 บุคคลและครัวเรือน คือประชาชนในชนบททั้งประเทศ โดย ทำสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ขั้นที่2 คือการรวมกลุ่มที่เห็นคือวิสาหกิจครัวเรือน เศรษฐกิจชุมชน เอสเอ็มอี และขั้นสุดท้ายคือเครือข่าย มีรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นคือ วิสาหกิจเพื่อสังคม เหล่านี้น่าจะเป็นทางออกการทำงานบูรณาการของรัฐบาล
ขณะนี้ที่ผ่านมาการบูรณาการ โดยเฉพาะในม.49 เราใช้งบประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท ถือว่าไม่มาก แต่ที่เห็นในเอกสารลักษณะเหมือนรถบรรทุกเป็นคันๆ เรามี20 กระทรวง 120 กว่ากรม แต่บูรณาการได้6 กระทรวง แต่พอดูไส้ในเหมือนรถบรรทุกเป็นคันๆ ถ้าบูรณาการที่แท้จริงจะต้องจับรถทั้งหมดเป็นโบกี้ขึ้นเป็นรถไฟขบวนเดียวกันและรางเดียวกัน ถ้าทำได้การบูรณาการตามแผนงานเศรษฐกิจฐานรากก็จะบูรณาการที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงในวงิงเนที่กำหนดไว้
"มีคนกล่าวว่าถ้าต้องการให้คนมีชีวิตรอดหนึ่งวันต้องให้ปลาเขา แต่ถ้าต้องการให้คนๆนั้นมีชีวิตได้365วันต้องให้เบ็ด แต่ขณะนี้สิ่งที่เห็นพอเราให้เบ็ดกับชาวบ้านสิ่งที่เกิดคือ ภาชนะหรือถังที่ชาวบ้านมีอยู่ มีผลิตภัณฑ์ของบรรจุ ที่ชาวบ้านต้องการก็มี ไม่ต้องการก็มี ขณะนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว คงไม่ใช่ให้เบ็ด แต่ต้องให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาสู้กับเรา คือต้องตั้งเป้าหมายชีวิตได้เอง และลงมือทำงานร่วมกับรัฐบาล ถ้าเราทำได้ตนมั่นใจว่าการพัฒนาเศรษฐกิจฐานในลักษณะการบูรณาการตามแผนงานของรัฐบาลจะมีความเป็นไปได้สูง" นายอภิชาติ กล่าว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง
- “อนุทิน” เปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาพื้นที่เทศบาลเมืองชัยภูมิ ชูกลไกความร่วมมือรัฐ ประชาสังคมแกร่งหนุนการพัฒนาเมือง 25 เม.ย. 2567
- "ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง 25 เม.ย. 2567
- ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหลวงเดินหน้าลุยกวาดล้างยาเสพติด ตามนโยบายจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล 25 เม.ย. 2567
- "เศรษฐา" นำ ครม. แต่งชุดจิตอาสาพระราชทาน ศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง 25 เม.ย. 2567
- "สุวัจน์"ประชุมใหญ่กลับใช้ชื่อพรรคชาติพัฒนาตามเดิม ตั้งอดีตสส.ก้าวไกลเป็นรองหัวหน้าพรรค 25 เม.ย. 2567
ข่าวในหมวดการเมือง
- "ดร.นิยม เวชกามา" เป็นประธานงานบุญประจำปีอำเภอพญาเต่างอย 22:08 น.
- "เศรษฐา" ไปแม่สอด 23 เม.ย. ติดตามสถานการณ์ปะทะฝั่งเมียนมา 22:04 น.
- ปลัดมหาดไทย เผยผลไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบสำเร็จ 28,236 ราย มูลหนี้ลดลง 1,083 ล้าน 17:14 น.
- ประชุมใหญ่ “ไทยสร้างไทย ก้าวต่อไปเพื่อคนตัวเล็ก” คึกคัก สุดารัตน์ ประกาศจุดยืนเป็นพรรคทางรอดประเทศไทย 15:41 น.
- ฝ่ายปกครองอำเภอกระนวน บุกจับผู้เสพยาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 30 เม็ด 15:11 น.