การเมือง
“ทิพานัน” ตอก "ช่อ" ย้อนแย้งถูกตรวจสอบแจกเงินบริจาค "เมย์เดย์ฯ"
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
รองโฆษก พปชร.ตอก "ช่อ" กลืนน้ำลายตัวเอง หลังถูกโลกโซเชียลไล่ตรวจสอบเงินบริจาคคณะก้าวหน้า จี้ตอบคนนามสกุล “วานิช” มีรายชื่อโผล่รับเงินบริจาค "เมย์เดย์" ข้องใจเอาบัญชีไหนเปิดรับบริจาค ส่อปกปิดทรัพย์สินหรือแจ้งเท็จหรือไม่
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษก พรรคพลังประชารัฐ อดีต ผู้สมัครส.ส. กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์เรียกร้องให้เปิดเผยหลักฐานหลังโลกโซเชียลแชร์ข้อมูลว่าผู้ได้รับเงิน 3,000 บาทจากคณะก้าวหน้าไม่มีตัวตนในทะเบียนราษฎร์และขู่จะดำเนินคดีว่า น.ส.พรรณิการ์ เหยียบย่ำหลักการของตนเองที่มักกล่าวอ้างสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกความเห็นจนถึงขั้นเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายที่มีไว้เพื่อคุ้มครองผู้ที่ถูกดูหมิ่น หมิ่นประมาท และตกเป็นเหยื่อจากการแสดงความคิดเห็นที่เกินขอบเขตของกฎหมาย แต่เมื่อถูกตรวจสอบย้อนกลับบ้าง น.ส.พรรณิการ์มีท่าทีเหมือนกลืนน้ำลายตนเอง ย้อนแย้ง ซึ่งเป็นท่าทีที่พบเห็นได้หลายครั้ง เช่น การใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. จากรัฐธรรมนูญที่ตนเองประณามด้วยคำหยาบและต้องการยกเลิกแก้ไขมาใช้คุ้มครองตนเองในคดีความ และคราวนี้ก็มีพฤติกรรมซ้ำเดิม เหมือนจะพยายามใช้กฎหมายที่ตนเองต้องการยกเลิกมาคุ้มครองประโยชน์ตนเอง เข้าตำรา เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
"ทุกการตรวจสอบต้องเท่าเทียม เสรีภาพในการแสดงความเห็นก็ต้องเท่าเทียม น.ส.พรรณิการ์และคณะก้าวหน้าก็ไม่ควรจะมีอภิสิทธิ์พิเศษที่จะเรียกร้องความเท่าเทียมจากผู้อื่นในขณะที่ตนเองกำลังพยายามมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น ตอนนี้ก็คงเข้าใจคำว่าเสรีภาพในการแสดงความเห็นและขอบเขตในการใช้เสรีภาพนั้นชัดเจนแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้ก็หวังว่าจะไม่พบเห็นการกระทำที่อ้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่เกินขอบเขตและทำให้ผู้อื่นเสียหายจาก น.ส.พรรณิการ์และพวกอีก การขู่ฟ้องประชาชนที่เขามีสิทธิ มีเสรีภาพ และต้องการตรวจสอบความโปร่งใส เนื่องจากเป็นการแจกเงินจากการรับบริจาคกิจกรรมเมย์เดย์ฯ นั้นก็น่าจะขัดกับหลักการที่ น.ส.พรรณิการ์มักกล่าวอ้างและคงจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านกฎหมายจากนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าอย่างแน่นอน เพราะนายปิยบุตรได้กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการใช้กฎหมายฟ้องปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์เพื่อตรวจสอบ หรือ SLAPP Law โดยนายปิยบุตรไม่เคยฟ้องหมิ่นประมาทใครเพราะเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยต้องถูกตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้และสังคมจะเป็นคนตัดสินเอง"
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อให้สังคมได้ตัดสินอย่างถูกต้อง แทนที่จะเรียกร้องหลักฐานจากผู้กล่าวหาและขู่ฟ้องประชาชน น.ส.พรรณิการ์และคณะก้าวหน้าควรแสดงความบริสุทธ์ใจและโปร่งใส ด้วยการนำพยานหลักฐานที่มีอยู่ในมือแสดงชี้แจงเพื่อหักล้างข้อสงสัยของสังคมที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
1.การเรี่ยไรรับบริจาคกิจกรรมเมย์เดย์ฯ ได้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายและมีการออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้บริจาคครบถ้วนหรือไม่
2.เมื่อการรับบริจาคถูกระบุให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของ น.ส.พรรณิการ์ ดังนั้นต้องมีหลักฐานว่ารายการที่โอนเข้ามาจากต้นทางเป็นเงินบริจาค หรือเงินส่วนตัว และต้องสามารถชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานทางบัญชี หรือสเตทเมนต์ แสดงบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ได้ด้วยว่ามีจำนวนครบถ้วนถูกต้องตามยอด 7,282,897.34 บาทจริง ไม่มากกว่านี้และไม่น้อยไปกว่านี้
3.สามารถพิสูจน์การมีอยู่จริงของผู้รับเงิน 3,000 บาทตามรายชื่อที่คณะก้าวหน้าเผยแพร่ทางเว็บไซต์ได้ รวมถึงมีหลักฐานการโอนเงินให้บุคคลตามรายชื่ออย่างครบถ้วน และต้องแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับโอนเงินไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับทีมงานคณะก้าวหน้า ไม่มีการทุจริตเอื้อประโยชน์กันเองแก่พวกพ้อง เพราะจากการตรวจสอบรายชื่อผู้รับเงิน เบื้องต้นพบว่ามีบุคคลใช้นามสกุล "วานิช" ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับ น.ส.พรรณิการ์ปรากฎอยู่ด้วย
นอกจากนี้ขอให้ชี้แจงด้วยว่าการเปิดเผยรายชื่อผู้รับเงินทางเว็บไซต์ ได้รับอนุญาตจากเจ้าของชื่อหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562ได้
"ส่วนตัวมองว่าหาก น.ส.พรรณิการ์ฟ้องคดีเอาผิดประชาชนที่ใช้สิทธิอย่างสุจริตในการตรวจสอบความโปร่งใสนั้น มีแนวโน้มที่จะแพ้คดีสูงมาก เพราะบุคคลดังกล่าวไม่พียงแต่ใช้สิทธิในฐานะประชาชนทั่วไป แต่ยังเป็นผู้มีส่วนได้เสียหากมีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะทราบมาว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบริจาคเงินในกิจกรรมดังกล่าวด้วย"
รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า สังคมยังมีสิทธิ์สงสัยและมีสิทธิ์ตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสได้ เพราะที่ผ่านมามีการเปิดเผยข้อมูลทีไม่ครบถ้วน และในปัจจุบันก็ไม่ปรากฏว่า น.ส.พรรณิการ์ประกอบสัมมาอาชีพใดที่มีแหล่งรายได้ครอบคลุมภาระค่าใช้จ่าย จากข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่แจ้งต่อ ปปช. เมื่อพ้นตำแหน่ง ส.ส. พบว่ามีภาระหนี้สินอยู่จำนวน 559,091 บาท และภาระรายจ่ายประจำจำนวน 924,000 บาท (แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 600,000 บาทและค่าอุปการะบิดามารดา 324,000 บาท) นอกจากนี้บัญชีธนาคารที่รับระดมทุนบริจาคก็ไม่ปรากฏในรายการบัญชีเงินฝากที่ได้แจ้งไว้ต่อ ปปช. ดังนั้นจึงอาจมีประเด็นการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า มี "การปกปิดข้อมูล" ของบัญชีดังกล่าวหรือไม่ เข้าข่ายยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ด้วย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง
- "ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง 25 เม.ย. 2567
- “อนุทิน” เปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาพื้นที่เทศบาลเมืองชัยภูมิ ชูกลไกความร่วมมือรัฐ ประชาสังคมแกร่งหนุนการพัฒนาเมือง 25 เม.ย. 2567
- ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหลวงเดินหน้าลุยกวาดล้างยาเสพติด ตามนโยบายจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล 25 เม.ย. 2567
- "เศรษฐา" นำ ครม. แต่งชุดจิตอาสาพระราชทาน ศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง 25 เม.ย. 2567
- "สุวัจน์"ประชุมใหญ่กลับใช้ชื่อพรรคชาติพัฒนาตามเดิม ตั้งอดีตสส.ก้าวไกลเป็นรองหัวหน้าพรรค 25 เม.ย. 2567
ข่าวในหมวดการเมือง
- "ดร.นิยม เวชกามา" เป็นประธานงานบุญประจำปีอำเภอพญาเต่างอย 22:08 น.
- "เศรษฐา" ไปแม่สอด 23 เม.ย. ติดตามสถานการณ์ปะทะฝั่งเมียนมา 22:04 น.
- ปลัดมหาดไทย เผยผลไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบสำเร็จ 28,236 ราย มูลหนี้ลดลง 1,083 ล้าน 17:14 น.
- ประชุมใหญ่ “ไทยสร้างไทย ก้าวต่อไปเพื่อคนตัวเล็ก” คึกคัก สุดารัตน์ ประกาศจุดยืนเป็นพรรคทางรอดประเทศไทย 15:41 น.
- ฝ่ายปกครองอำเภอกระนวน บุกจับผู้เสพยาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 30 เม็ด 15:11 น.